“สุขุมพันธุ์” ไม่งอน “มาร์ค” ถอนเรื่องออก เดินหน้าตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ปัญหารถดับเพลิง “พีระพันธุ์” รับหน้าเสื่อตั้งให้ เตรียมยื่นหนังสือถึงกระทรวงต่างประเทศ ให้ถามรัฐบาลออสเตรียกรณียืนยันสัญญาจัดซื้อเป็น รัฐต่อรัฐ ขณะที่การฟ้องยกเลิกสัญญาศาลนนัดสิบพยานครั้งแรก ก.พ.ปีหน้า
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ถอนเรื่องที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้ครม.อนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเจรจากับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลหาห์ซอย์ เอจี แอนด์ โค เคจี เกี่ยวกับสินค้ารถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ว่า ตนไม่รู้สึกกังวลที่ครม.ถอนเรื่องออกมา เนื่องจากขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้รับเป็นทนายฟ้องยกเลิกสัญญาให้แล้ว ส่วนในการเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ไปเพื่อต้องการทางรัฐบาลได้รับทราบว่า กทม.ดำเนินการอย่างไรบ้าง เนื่องจากเห็นว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นจาก ครม.(สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ) ดังนั้น ครม.จึงควรรับทราบอย่างไร แม้รัฐบาลจะไม่ตั้งคณะกรรมการร่วมให้ กทม.ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเอง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวตนได้หารือกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทาง รมว.ยธ.ได้แสดงเจตนาที่จะรับเป็นประธานในการตั้งคณะกรรมการร่วมให้ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรมมีส่วนเกี่ยวข้องโดยได้เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้ด้วยโดยคณะกรรมการ จะประกอบไปด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงพาณิชย์ และ กทม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีโอกาสคุยกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยเพราะช่วงนี้ท่านนายกฯมีปัญหาหลายด้านโดยจะรอให้มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะได้หารือกับท่านนายกฯ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลในสัญญาว่าเป็นแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) หรือไม่นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปสอบถามยังรัฐบาลออสเตรียว่าสัญญาดังกล่าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา กทม.เคยสอบถามไปยังเอกอัครราชทูตออสเตรีย ซึ่งได้รับการปฏิเสธมาว่าไม่ได้เป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ
ส่วนความคืบหน้าของคดี ขณะนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดสืบพยานคดีการฟ้องยกเลิกสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2553 ซึ่งระหว่างนี้ กทม.จะเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อยื่นให้ศาลพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในการยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายค่างวดที่ 6 นั้น กทม.เตรียมข้อมูลไม่ทัน เนื่องจาก อสส.รับปากที่จะเป็นทนายให้ กทม.ในระยะเวลาอันสั้นจึงทำให้ กทม.เตรียมไม่ทัน แต่มั่นใจว่า ก่อนที่จะจ่ายค่างวดครั้งที่ 7 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า กทม.จะมีข้อมูลครบถ้วนแน่นอน และพร้อมที่ยื่นให้ศาลทรัพย์สินฯพิจารณาให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายเงินได้ ส่วนเรื่องการขอยกเว้นการชำระภาษีนั้นขณะเรื่องก็ยังค้างอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยเช่นเดิม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ถอนเรื่องที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้ครม.อนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเจรจากับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลหาห์ซอย์ เอจี แอนด์ โค เคจี เกี่ยวกับสินค้ารถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ว่า ตนไม่รู้สึกกังวลที่ครม.ถอนเรื่องออกมา เนื่องจากขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้รับเป็นทนายฟ้องยกเลิกสัญญาให้แล้ว ส่วนในการเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ไปเพื่อต้องการทางรัฐบาลได้รับทราบว่า กทม.ดำเนินการอย่างไรบ้าง เนื่องจากเห็นว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นจาก ครม.(สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ) ดังนั้น ครม.จึงควรรับทราบอย่างไร แม้รัฐบาลจะไม่ตั้งคณะกรรมการร่วมให้ กทม.ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเอง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวตนได้หารือกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทาง รมว.ยธ.ได้แสดงเจตนาที่จะรับเป็นประธานในการตั้งคณะกรรมการร่วมให้ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรมมีส่วนเกี่ยวข้องโดยได้เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้ด้วยโดยคณะกรรมการ จะประกอบไปด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงพาณิชย์ และ กทม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีโอกาสคุยกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยเพราะช่วงนี้ท่านนายกฯมีปัญหาหลายด้านโดยจะรอให้มีการแต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะได้หารือกับท่านนายกฯ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลในสัญญาว่าเป็นแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) หรือไม่นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปสอบถามยังรัฐบาลออสเตรียว่าสัญญาดังกล่าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา กทม.เคยสอบถามไปยังเอกอัครราชทูตออสเตรีย ซึ่งได้รับการปฏิเสธมาว่าไม่ได้เป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ
ส่วนความคืบหน้าของคดี ขณะนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดสืบพยานคดีการฟ้องยกเลิกสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2553 ซึ่งระหว่างนี้ กทม.จะเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อยื่นให้ศาลพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในการยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายค่างวดที่ 6 นั้น กทม.เตรียมข้อมูลไม่ทัน เนื่องจาก อสส.รับปากที่จะเป็นทนายให้ กทม.ในระยะเวลาอันสั้นจึงทำให้ กทม.เตรียมไม่ทัน แต่มั่นใจว่า ก่อนที่จะจ่ายค่างวดครั้งที่ 7 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า กทม.จะมีข้อมูลครบถ้วนแน่นอน และพร้อมที่ยื่นให้ศาลทรัพย์สินฯพิจารณาให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายเงินได้ ส่วนเรื่องการขอยกเว้นการชำระภาษีนั้นขณะเรื่องก็ยังค้างอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยเช่นเดิม
