สปป.ลาวหนุนไทยเสนอ “เชียงแสน-สุวรรณโคมคำ” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วม เผย จนท.สองประเทศประสานงานต่อเนื่อง ขณะที่ อนุ กก.มรดกโลกดันอีก 6 แหล่งเข้าบัญชีชั่วคราวมรดกโลกเพิ่ม “พระบรมธาตุ-พระปฐมเจดีย์-ล้านนา-ศรีวิชัย-เจ้าพระยา-สถาปัตย์เจ้าฟ้าฯ นริศ” ด้วย
วันนี้ (16 ส.ค.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ในฐานะประธานอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมของคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ที่ประชุมอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสู่มรดกโลก เสนอโดยกรมศิลปากร 5 แหล่ง มีแหล่งวัฒนธรรมล้านนา ภูมิทัศน์วัฒนธรรมแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มสถาปัตยกรรมของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เส้นทางวัฒนธรรมศรีวิชัย แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าเชียงแสนและสุวรรณโคมคำ จ.เชียงราย ประเทศไทย และเมืองบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และอีก 2 แหล่ง โดยชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เสนอพระบรมธาตุวัดพระมหา ธาตุวรมหาวิหาร ชาวนครปฐมเสนอองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งอนุกรรมการมีนายพิสิฐ เจริญวงศ์ ผู้อำนวยการสปาฟา น.ส.วิตรี สุวรรณสถิตย์ ที่ปรึกษา วธ. และท่านอื่นเห็นชอบ 7 แหล่งเสนอเข้าสู่บัญชีชั่วคราว (Tentative) แหล่งมรดกโลกวัฒนธรรม
นายธีระกล่าวอีกว่า แหล่งโบราณคดีเมืองเก่าเชียงแสนและสุวรรณโคมคำเมืองบ่อแก้ว สปป.ลาว ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการหลายฝ่ายเป็นเรื่องที่ดี ทางสำนักโบราณคดีของไทยรายงานให้ตนทราบว่า นายบ่อแสงคำ วงดาลา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงวัฒนธรรม สปป.ลาว ให้การสนับสนุนขึ้นร่วมมรดกโลกทางวัฒนธรรมด้วย ขณะนี้ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างประสานงานกัน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้วิชาการและการจัดทำบัญชีชั่วคราว ทั้งจะมีการหารือในระดับรัฐบาลต่อไป ซึ่งตนจะได้รายงานความคืบหน้าให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติฯ รับ ทราบ อย่างไรก็ตาม มรดกทางวัฒนธรรมทั้ง 7 แหล่งจะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเร็วๆ นี้
“อายุของแหล่งโบราณคดีเมืองเก่าเชียงแสน กับแหล่งโบราณคดีสุวรรณโคมคำ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว อยู่ใน ช่วงเวลาเดียวกันร่วมพันปี และนับเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกันที่สุดขึ้นมรดกโลกร่วมกันแห่งแรกของสองประเทศ จะทำให้ฟื้นฟูบูรณะเมืองโบราณเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วย” นายธีระกล่าว
ด้าน นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวว่า ในระดับเจ้าหน้าที่ของสองประเทศได้มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ลงพื้นที่เมืองโบราณสุวรรณโคมคำ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว พบว่าคูเมืองโบราณมีสภาพสมบูรณ์อยู่มาก ไม่มีชาวบ้านเข้าไปรบกวนถากทำไร่ จึงเห็นร่องรอยที่ตั้งถิ่นฐานบ้านเมืองในอดีต ครั้งที่เป็นช่องประตูแม่น้ำโขงตอนเหนือของสองประเทศรับอารยธรรมมยิ่งใหญ่ของโลกคือจีน-อินเดีย มาผสมผสานจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ศิลปกรรมที่โดดเด่นของเมืองโบราณแห่งนี้