กทม.เตรียมจัดงานพิธีเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สาย 2 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด วันอาทิตย์ ที่ 23 สิงหาคม 2552
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าว การเตรียมจัดพิธีเปิดการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สาย 2 หรือสายสีลม ช่วงสถานีตากสิน-วงเวียนใหญ่ ระยะทาง 2.2 กม.โดย กทม.ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2552 เวลา 17.30 น.
สำหรับส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงตากสิน-วงเวียนใหญ่ กทม.ได้เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษาคม - 13 สิงหาคม 2552 โดยไม่คิดค่าโดยสารจากการหารือของคณะผู้บริหารเห็นควรขยายเวลาการให้บริการโดยไม่คิดค่าโดยสารต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2552 ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 ประชาชนที่ใช้บริการระหว่าง สถานีสะพานตากสิน (S6) สถานีกรุงธนบุรี (S7) สถานีวงเวียนใหญ่ (S8) กทม.จะเก็บค่าโดยสารที่ 15 บาท จากนั้นเมื่อเข้าสู่ระบบบีทีเอส จะมีการคำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง แต่ยังอยู่ในอัตราโครงสร้างเดิม คือ 15-40 บาท ซึ่ง กทม.และบีทีเอสจะแบ่งรายได้ตามระยะทาง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์การเตรียมเข้าพบ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้ กทม.เป็นผู้ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และส่วนต่อขยายจาก แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่คณะรัฐมนตร (ครม.) มีมติมอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับผิดชอบโครงการ ว่า ตนขอยืนยันว่า กทม.มีความพร้อมทั้งแหล่งทุน และประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าเรื่องราคาค่าโดยสาร ซึ่งจากการสำรวจความเห็นประชาชนจำนวน 1,492 คน ระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในเรื่องการให้บริการรถไฟฟ้ามีประเด็นคำถามบทบาทของ กทม.ในการดูแลบริการระบบขนส่งมวลชนในเขต กทม.พบว่า ร้อยละ 74.9 เห็นควรว่าเป็นบทบาทของ กทม.เช่นเดียวกันมหานครใหญ่ทั่วโลก ยืนยัน กทม.ต้องการลงทุนทั้งระบบโครงสร้าง และบริหารการเดินรถ
“ผมโทรศัพท์คุยกับท่านนายกฯหลายครั้งก็ไม่เห็นท่านจะว่าอะไร ดังนั้น ท่านรัฐมนตรีคมนาคมจะพูดก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมยืนยันว่าเราจะขอกลับมาทำเองทั้ง 2 สายทาง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในส่วนของส่วนแบ่งรายที่มีการคำนวณตามส่วนแบ่งระยะทางนั้น จะมีการคำนวณแบบนี้ คือ นำระยะทาง 2.2 กม.x ส่วนแบ่งเต็มราคา 40 บาท แล้วหารด้วยระยะทางทั้งหมด ก็จะได้ส่วนแบ่งรายได้ที่ กทม.จะได้รับ นอกจากนี้ ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงความพร้อมการลงทุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย และเส้นทางรถประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) 2 สายราชพฤกษ์-ช่องนนทรี และ หมอชิต-ศูนย์ราชการ รวมทั้งระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบรางขนาดเบา หรือ ไลท์ เรล ทรานซิต (LRT) เส้นทางเพชรบุรี-ศาลาว่าการ กทม.2 และ บางนา-สุวรรณภูมิ รวมระยะทาง 130 กม.
ทั้งนี้ บริษัทจัดหาแหล่งทุนในโครงการทั้งหมด ทั้งโครงสร้าง ระบบราง และการเดินรถ แต่ กทม.จะช่วยเหลือเงินให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนภายหลังจากเปิดให้บริการประชาชนเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของงบประมาณลงทุนทั้งหมด เป็นจำนวน 10 ปี หลังจากนั้น บริษัทจะคืนเงินจำนวนนี้ให้ตามระยะเวลาสัมปทาน เท่ากับว่า กทม.ไม่ต้องลงทุนใดๆ เลย อีกทั้งไม่ใช้เงินจากภาษีประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรีรวมถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพราะจะเกี่ยวกับกฎหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุนมาตรา 16 ที่เกี่ยวกับการทบทวนสัญญาสัมปทาน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าว การเตรียมจัดพิธีเปิดการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สาย 2 หรือสายสีลม ช่วงสถานีตากสิน-วงเวียนใหญ่ ระยะทาง 2.2 กม.โดย กทม.ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2552 เวลา 17.30 น.
สำหรับส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงตากสิน-วงเวียนใหญ่ กทม.ได้เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการมาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษาคม - 13 สิงหาคม 2552 โดยไม่คิดค่าโดยสารจากการหารือของคณะผู้บริหารเห็นควรขยายเวลาการให้บริการโดยไม่คิดค่าโดยสารต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2552 ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 ประชาชนที่ใช้บริการระหว่าง สถานีสะพานตากสิน (S6) สถานีกรุงธนบุรี (S7) สถานีวงเวียนใหญ่ (S8) กทม.จะเก็บค่าโดยสารที่ 15 บาท จากนั้นเมื่อเข้าสู่ระบบบีทีเอส จะมีการคำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง แต่ยังอยู่ในอัตราโครงสร้างเดิม คือ 15-40 บาท ซึ่ง กทม.และบีทีเอสจะแบ่งรายได้ตามระยะทาง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์การเตรียมเข้าพบ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้ กทม.เป็นผู้ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และส่วนต่อขยายจาก แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่คณะรัฐมนตร (ครม.) มีมติมอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับผิดชอบโครงการ ว่า ตนขอยืนยันว่า กทม.มีความพร้อมทั้งแหล่งทุน และประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าเรื่องราคาค่าโดยสาร ซึ่งจากการสำรวจความเห็นประชาชนจำนวน 1,492 คน ระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในเรื่องการให้บริการรถไฟฟ้ามีประเด็นคำถามบทบาทของ กทม.ในการดูแลบริการระบบขนส่งมวลชนในเขต กทม.พบว่า ร้อยละ 74.9 เห็นควรว่าเป็นบทบาทของ กทม.เช่นเดียวกันมหานครใหญ่ทั่วโลก ยืนยัน กทม.ต้องการลงทุนทั้งระบบโครงสร้าง และบริหารการเดินรถ
“ผมโทรศัพท์คุยกับท่านนายกฯหลายครั้งก็ไม่เห็นท่านจะว่าอะไร ดังนั้น ท่านรัฐมนตรีคมนาคมจะพูดก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมยืนยันว่าเราจะขอกลับมาทำเองทั้ง 2 สายทาง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในส่วนของส่วนแบ่งรายที่มีการคำนวณตามส่วนแบ่งระยะทางนั้น จะมีการคำนวณแบบนี้ คือ นำระยะทาง 2.2 กม.x ส่วนแบ่งเต็มราคา 40 บาท แล้วหารด้วยระยะทางทั้งหมด ก็จะได้ส่วนแบ่งรายได้ที่ กทม.จะได้รับ นอกจากนี้ ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงความพร้อมการลงทุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย และเส้นทางรถประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) 2 สายราชพฤกษ์-ช่องนนทรี และ หมอชิต-ศูนย์ราชการ รวมทั้งระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบรางขนาดเบา หรือ ไลท์ เรล ทรานซิต (LRT) เส้นทางเพชรบุรี-ศาลาว่าการ กทม.2 และ บางนา-สุวรรณภูมิ รวมระยะทาง 130 กม.
ทั้งนี้ บริษัทจัดหาแหล่งทุนในโครงการทั้งหมด ทั้งโครงสร้าง ระบบราง และการเดินรถ แต่ กทม.จะช่วยเหลือเงินให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนภายหลังจากเปิดให้บริการประชาชนเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของงบประมาณลงทุนทั้งหมด เป็นจำนวน 10 ปี หลังจากนั้น บริษัทจะคืนเงินจำนวนนี้ให้ตามระยะเวลาสัมปทาน เท่ากับว่า กทม.ไม่ต้องลงทุนใดๆ เลย อีกทั้งไม่ใช้เงินจากภาษีประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรีรวมถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพราะจะเกี่ยวกับกฎหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุนมาตรา 16 ที่เกี่ยวกับการทบทวนสัญญาสัมปทาน
