xs
xsm
sm
md
lg

กทม.กางแผนสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล “เชื่อมสายสีเขียว ขนคนศรีนครินทร์-บางนา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระชน มโนมัยพิบูลย์
กทม.เล็งสร้างโมโนเรล ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแทนสะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี ขนคนจากราชเทวีปลายทางที่ กทม.2 ดินแดง ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคลเตรียมทางแก้สร้างอุโมงค์ทางลอดให้แทน ขณะที่ชาวศรีนครินทร์ถึงบางนา มีเฮ! กทม.มีแผนสร้างโมโนเรลรับคนเข้าต่อขยายบีทีเอสเช่นกัน

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail ) ระบบล้อยาง(Rubber Tire Type ) ซึ่งระบบนี้จะไม่มีคนขับ สามารถหักมุมเลี้ยว 45 องศาได้ทันที และไม่ต้องศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA) ซึ่ง กทม.มีแผนที่จะก่อสร้างในเส้นทางถนนบางนา-ตราด เชื่อมถนนศรีนครินทร์ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรโดยเส้นทางนี้จะช่วยรับคนในย่านศรีนครินทร์ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง และคอนโดจำนวนมากวิ่งมาทางเส้นบางนา-ตราด เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่ กทม.กำลังดำเนินการก่อสร้างจากอ่อนนุช-แบริ่งในช่วงสี่แยกบางนา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท

นายธีระชน กล่าวอีกว่า จากที่ กทม.เตรียมที่จะรื้อสะพานเหล็กข้ามแยกอโศก-เพชรบุรีเพื่อก่อสร้างใหม่นั้น ตนมีแนวคิดที่จะก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวบนเส้นทางดังกล่าวแทน โดยไม่ต้องสร้างสะพานข้ามแยกขึ้นมาใหม่ แต่ให้สร้างเส้นทางรถไฟฟ้าพร้อมกับรื้อสะพานข้ามแยกอีก 2 แห่งได้แก่แยกราชเทวี-แยกประตูน้ำ ออกไปเพื่อนำมาทำเป็นทางรถไฟฟ้าต่อไปยังศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดงตามแผนที่ได้วางเอาไว้
รถไฟฟ้าโมโนเรล(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
ส่วนสะพานที่รื้อออกก็จะสร้างอุโมงค์ลอดใต้ดินทดแทนในแต่ละช่วงที่ต้องข้ามแยกสำหรับให้รถยนต์ส่วนบุคคลสัญจรแทนสะพานที่ได้รื้อ ซึ่งแนวคิดนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เห็นด้วยในหลักการแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กทม.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทั้ง 2 เส้นทางว่าควรจะใช้ระบบใด งบประมาณการลงทุน และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วซึ่งจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 3 เดือน

รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ทางบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ได้เสนอที่จะลงทุนในโครงการระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา ระบบล้อยาง เนื่องจากมีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งแหล่งเงินทุนที่จีน และองค์ความรู้ (Know How) ที่มีอยู่พร้อมสรรพ ซึ่งทาง กทม.ก็จะต้องพิจารณา และท้ายสุดต้องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบด้วยเช่นกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น