“ธีระชน” เผย “บีทีเอสซี” ยินดีควักเงิน 6 หมื่นล้านบาท ลงทุนทำส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าหมอชิต-สะพานใหม่ และ แบริ่ง-สมุทรปราการ แต่มีข้อแม้ กทม.ต้องได้ทั้ง 2 สายทางคืนจากรัฐบาลก่อน เตรียมเสนอให้เป็นทางเลือกกับรัฐบาล แถมยังสนใจทำรถไฟฟ้าระบบล้อยางเทคโนโลยีใหม่ไม่มีคนขับวิ่งบนทางยกระดับเป็น BRT ขณะที่ยอดผู้ใช้บริการ 2.2 กิโลเมตรทะลุ 5 หมื่นเที่ยวคนต่อวันแล้ว
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้หารือร่วมกับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอสซี) โดยบีทีเอสซีได้ให้ความสนใจที่จะลงทุนในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครเส้นทางในอนาคต และเสนอตัวที่จะลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.6 กิโลเมตร และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 11.4 กิโลเมตร มีมูลค่ารวมเกือบ 60,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่จะนำมาลงทุนก่อสร้างนั้น บีทีเอสซีแจ้งว่ามีแหล่งเงินทุนเรียบร้อยแล้วโดยเป็นแหล่งเงินทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่มีข้อแม้ว่า กทม.จะต้องได้ทั้ง 2 สายทางคืนมาจากรัฐบาลเสียก่อน ซึ่งขณะนี้เรื่องที่กทม.ยื่นไปเพื่อขอเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้รับผิดชอบทั้ง 2 สายทางกลับมาอยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.นั้น ยังอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยหลังจากที่ได้ส่งเรื่องไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนจะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาลเพื่อให้เป็นทางเลือกต่อไป
นายธีระชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางบีทีเอสซียังได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในระบบ BRT สำหรับวิ่งบนทางยกระดับโดยใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นระบบล้อยาง ไม่ต้องมีพนักงานขับรถ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวที่เมืองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ญี่ปุ่นรวมถึงประเทศสิงคโปร์ก็ใช้อยู่ ซึ่งหากเราใช้รถไฟฟ้าระบบล้อยางก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ส่วนการให้บริการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตรนั้น มีปัญหาติดขัดบ้างโดยผู้โดยสารต้องเสียเวลารอรถนานกว่าปกติจากเดิมที่ใช้เวลา 5 นาที ก็สามารถเดินทางได้แล้วแต่ต้องรอรถถึง 10 นาที จึงจะสามารถขึ้นขบวนรถได้ เนื่องจากขบวนเต็มมาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งทางบีทีเอสซีแจ้งว่าแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้แล้ว และในเดือนตุลาคมนี้จะมีขบวนรถไฟฟ้ามาเพิ่มอีก 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ก็จะทำให้สามารถบริการผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ใช้บริการส่วนต่อขยายของ กทม.เกิน 50,000 เที่ยวคนต่อวันแล้ว
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้หารือร่วมกับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอสซี) โดยบีทีเอสซีได้ให้ความสนใจที่จะลงทุนในระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครเส้นทางในอนาคต และเสนอตัวที่จะลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.6 กิโลเมตร และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 11.4 กิโลเมตร มีมูลค่ารวมเกือบ 60,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่จะนำมาลงทุนก่อสร้างนั้น บีทีเอสซีแจ้งว่ามีแหล่งเงินทุนเรียบร้อยแล้วโดยเป็นแหล่งเงินทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่มีข้อแม้ว่า กทม.จะต้องได้ทั้ง 2 สายทางคืนมาจากรัฐบาลเสียก่อน ซึ่งขณะนี้เรื่องที่กทม.ยื่นไปเพื่อขอเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้รับผิดชอบทั้ง 2 สายทางกลับมาอยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.นั้น ยังอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยหลังจากที่ได้ส่งเรื่องไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนจะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาลเพื่อให้เป็นทางเลือกต่อไป
นายธีระชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางบีทีเอสซียังได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในระบบ BRT สำหรับวิ่งบนทางยกระดับโดยใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นระบบล้อยาง ไม่ต้องมีพนักงานขับรถ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวที่เมืองเดนเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ญี่ปุ่นรวมถึงประเทศสิงคโปร์ก็ใช้อยู่ ซึ่งหากเราใช้รถไฟฟ้าระบบล้อยางก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ส่วนการให้บริการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตรนั้น มีปัญหาติดขัดบ้างโดยผู้โดยสารต้องเสียเวลารอรถนานกว่าปกติจากเดิมที่ใช้เวลา 5 นาที ก็สามารถเดินทางได้แล้วแต่ต้องรอรถถึง 10 นาที จึงจะสามารถขึ้นขบวนรถได้ เนื่องจากขบวนเต็มมาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งทางบีทีเอสซีแจ้งว่าแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้แล้ว และในเดือนตุลาคมนี้จะมีขบวนรถไฟฟ้ามาเพิ่มอีก 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ก็จะทำให้สามารถบริการผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ใช้บริการส่วนต่อขยายของ กทม.เกิน 50,000 เที่ยวคนต่อวันแล้ว
