เผยผลการตรวจสอบสเปกรถ-เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง กทม.ระบุ ไม่มีข้อบ่งชี้ที่สามารถนำมายกเลิกสัญญาได้ ขณะที่ข้อตกลงระบุหากพบผิดให้เจรจาด้วยสันติวิธีแทน
รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า วานนี้ (30 ก.ค.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบสินค้าตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สภป.) โดยมี นายธีระ ประสิทธิพร รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) เป็นประธานคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และผู้แทนจาก สปภ.และกองโรงงานช่างกล รวม 44 คน เป็นกรรมการตรวจสอบซึ่งได้ตรวจสอบตามคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมระยะเวลาประมาณ 30 วันทำการ โดยที่ประชุมได้มีการสรุปรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเสนอ แพทย์หญิง มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. ทราบในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) เบื้องต้น การตรวจสอบสเปกรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ไม่มีข้อที่ผิดจนกระทั่งสามารถใช้เป็นเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาได้ เพราะในข้อตกลงไม่มีข้อไหนที่ระบุว่าผิดแล้วจะต้องยกเลิกสัญญาซื้อขายทันที มีแต่ให้เจรจากันด้วยสันติวิธี
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ทั้งหมดโดยเฉพาะในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของศุลกากร เพราะถือว่าอุปกรณ์สินค้าทุกอย่างที่ส่งมาเป็นของกลาง อาทิ หมวก เสื้อคลุม หน้ากาก ถุงมือ ถังออกซิเจน รองเท้าบูต รวมทั้งหีบชิ้นส่วนกว่า 40 หีบ ซึ่งหาก กทม.จะตรวจสอบจะต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ดังนั้น หากต้องการตรวจสอบในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจรับสินค้า
นอกจากนี้ ในการตรวจสอบยังพบว่า ในการแปลเอกสารจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยบางส่วนมีข้อผิดพลาดโดยเฉพาะในส่วนของทางด้านเทคนิค ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ยึดตัวสัญญาที่เป็นภาษาไทยแต่เมื่อเกิดปัญหาเรายึดที่ฉบับภาษาอังกฤษแทน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ได้ยึดฉบับภาษาอังกฤษในการตรวจสอบดังนั้นจึงไม่พบการผิดสเปกที่ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามสเปกที่กำหนด ยกเว้นอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ยาง และแรงม้าของเรือดับเพลิงที่มาถึงประเทศไทยในลอตแรกแตกต่างจากสเปกที่กำหนด โดยบริษัท สไตเออร์ฯ ระบุว่าบางรุ่นที่ได้ระบุในทีโออาร์หรือในสเปกได้เลิกผลิตจึงได้เปลี่ยนอุปกรณ์ให้ใหม่ที่ดีกว่าเดิม จึงแก้ไขสัญญาและเพิ่มข้อตกลงภายหลัง นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจรับรถต้นแบบได้สั่งแก้ไขตามข้อเสนอของบริษัทเพราะเห็นว่าจะได้อุปกรณ์ที่ดีขึ้นกว่าสเปกเดิม เช่นยางขนาดใหญ่ขึ้นรับน้ำหนักมากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มแรงม้าของเครื่องยนต์ แต่ในส่วนของรถดับเพลิงลอตหลังกรรมการไม่ได้ไปตรวจรับรถต้นแบบ เนื่องจากขณะนั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.ไม่ให้ไปตรวจรถต้นแบบและรับรถ บริษัทจึงถือว่าเป็นการรับทราบตามรถต้นแบบที่ผลิตมา
อย่างไรก็ตาม ในสัญญาระบุให้มีบริษัทอิสระในการตรวจสอบกระบวนการในการผลิตรถให้เป็นไปตามสเปกที่กำหนด ซึ่งสไตเออร์ฯ ได้ว่าจ้างบริษัทลอยส์จากอังกฤษเป็นผู้ตรวจสอบกระบวนการผลิต ทำให้เชื่อมั่นว่ารถที่ได้ผลิตออกมาเป็นไปตามสเปก ดังนั้น ในภาพรวมการตรวจสอบสภาพครั้งนี้จึงถือว่าอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นไปตามสเปก
แหล่งข่าวในคณะกรรมการรายหนึ่งให้ความคิดเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากราคาจัดซื้อที่แพงเกินจริง จึงน่าที่จะตรวจสอบกันเองในเรื่องของราคาว่าทำไมจึงจัดซื้อในราคาที่สูงมากซึ่งต้องดูในเงื่อนไขหลายๆ เรื่อง ขณะที่ตอนนี้เราต้องเราต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมากกว่าเพราะหากเราได้นำรถดับเพลิงจำนวน 315 คัน และเรืออีก 30 ลำ พร้อมทั้งอุปกรณ์ซึ่งรถดับเพลิงที่ใช้กันส่วนใหญ่ในบ้านเราก็เป็นของสไตเออร์ทั้งนั้น จึงน่าที่จะนำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า