ก.ค.ศ.ยันเกณฑ์ใหม่ย้าย ผอ.ร.ร.ประถม-มัธยม แยกจากกัน

ก.ค.ศ.ยันเกณฑ์ใหม่ย้าย ผอ.ร.ร.ประถม-มัธยม แยกออกจากกัน ย้ายปกติยื่นครั้งเดียว 1-15 ส.ค. ส่วนย้ายกลับภูมิลำเนา ย้ายเพื่อผลประโยชน์ทางราชการยังใช้เกณฑ์เดิม ส่วนร่างหลักเกณฑ์โยกย้าย ผอ.สพท. และผู้บริหารสถานศึกษาที่ดำรงตำแหน่งเกิน 4 ปี ยกร่างเสร็จแล้ว แต่ยังต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะเกี่ยวกับข้าราชการจำนวนมาก หวั่นต้องกลับมาเยียวยากันต่อ

นายประเสริฐ งามพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า จากที่จัดตั้งศูนย์ประสานงานการมัธยมศึกษา จำนวน 41 ศูนย์ ทำให้เกิดการบริหารงานที่บุคคล ดังนั้นคณะกรรมการ ก.ค.ศ. จึงได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จัดทำแนวทางหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานการมัธยมศึกษา

นายสุบรรณ ไชยศิริโชติ ผู้อำนวยการภารกิจระบบตำแหน่งวิทยาฐานะที่ 2 สำนักงาน ก.ค.ศ.กล่าวว่า สำหรับหลักการโยกย้ายผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษานั้น เมื่อมีการแยกการบริหารงานการประถมศึกษาและมัธยมศึกษาออกจากกัน ในส่วนของการย้ายผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ต่อไปก็จะต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มมัธยมศึกษา และกลุ่มประถมศึกษา โดยเมื่อโยกย้ายภายในกลุ่มเสร็จแล้ว จึงจะย้ายข้ามกลุ่มได้ ซึ่งแตกต่างจากเดิม ที่สามารถย้ายรวมกันได้ทั้งมัธยมศึกษาและประถมศึกษา

ส่วนหลักการในพิจารณาโยกย้ายผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น จะยังคงเป็น 3 กรณี แต่จะเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางประการ ดังนี้ 1.กรณีย้ายปกติ จากเดิมภายใน 1 ปี ยื่นได้ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ. และระหว่างวันที่ 1-15 ส.ค. ก็ปรับเปลี่ยนหลักการใหม่ว่าให้ยื่นได้ครั้งเดียว คือระหว่างวันที่ 1-15 ส.ค. ดังนั้น ผู้ที่ต้องการย้ายปกติก็จะต้องทำเรื่องขอยื่นภายในช่วงเวลาดังกล่าว และจะใช้คำขอดังกล่าวมาพิจารณาได้ทั้งปี โดยจะย้ายในกลุ่มมัธยมฯ และประถมฯ แยกจากกัน ส่วนของกลุ่มมัธยมฯ เนื่องจากร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องยังไม่มีผลบังคับใช้ ในการพิจารณาโยกย้าย จึงต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรอง พิจารณา ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯ ปลายทางที่ผู้บริหารขอย้าย เห็นชอบ ส่วนการโยกย้ายผู้บริหารในกลุ่มประถมฯ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ สามารถพิจารณาโยกย้ายได้เลย แต่ทั้งนี้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ทุกเขต จะต้องนำความเห็นของหน่วยงานต้นสังกัดที่รับย้าย มาประกอบการพิจารณาด้วย

“ส่วนการยกร่างหลักเกณฑ์โยกย้ายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) และผู้บริหารสถานศึกษาที่ดำรงตำแหน่งมาเกิน 4 ปีตามมาตรา 60 พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ฉบับแก้ไข พ.ศ.2551 ที่ระบุว่าให้ย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ผอ.สพท. หรือตำแหน่งผู้บริหารที่ ก.ค.ศ.กำหนด ไม่ให้อยู่ในตำแหน่งเกิน 4 ปีนั้น ขณะนี้ยกร่างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเสนอ คณะกรรมการ ก.ค.ศ. เพราะต้องพิจารณาให้รอบคอบเนื่องจากเกี่ยวข้องกับข้าราชการจำนวนมาก มิเช่นนั้น จะต้องตามเยียวยากันอีก อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ที่หลักเกณฑ์ดังกล่าว ยังไม่มีผลบังคับใช้ ก็ไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ให้อำนาจเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในการพิจารณาโยกย้ายตามความเหมาะสมได้อยู่แล้ว” นายสุบรรณ กล่าว

นายสุบรรณกล่าวด้วยว่า การย้ายกรณีที่ 2 คือ การขอย้ายกรณีพิเศษ เช่น ขอย้ายตามคู่สมรส ขอย้ายกลับภูมิลำเนา ขอย้ายไปดูแลบิดามารดาที่เจ็บป่วย เป็นต้น และ 3.กรณีย้ายเพื่อประโยชน์ทางราชการ ทั้ง 2 กรณียังคงยึดตามหลักการเดิม โดยพิจารณาโยกย้ายแบบไม่แยกกลุ่มมัธยมฯ และกลุ่มประถมฯ