สธ.เสนอของบจากรัฐบาลตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาคารผู้ป่วยนอก- อุบัติเหตุ 5 ชั้น และอาคารพักแพทย์ เจ้าหน้าที่ ให้โรงพยาบาลกระทุ่มแบน รวมเป็นเงินกว่า 230 ล้านบาท เพื่อลดความแออัด ซึ่งอาคารบริการเดิม มีสภาพเสื่อมโทรมเพราะใช้งานนานถึง 30 ปี ไม่สามารถขยายได้ เผยต่อวันมีผู้ป่วยใช้บริการมากเฉลี่ยวันละกว่า 1,200 ราย
วานนี้(13มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับ และกล่าวว่าขณะนี้ได้ทำแผนขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการก่อสร้างตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จากรัฐบาล เพื่อก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ 5 ชั้น จำนวน 177 ล้านบาท อาคารพักแพทย์ 27 ล้านบาท อาคารแฟลตของเจ้าหน้าที่ 22 ล้านบาท และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 7.5 ล้านบาท รวมกว่า 230 ล้านบาท
นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ มีเตียงรับผู้ป่วย 120 เตียง แต่ปัจจุบันรองรับผู้ป่วย 230 เตียง อัตราครองเตียงสูงถึงร้อยละ 147 ในปี 2552 มีจำนวนผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละกว่า 1,200 คน ซึ่งเพิ่มจากปี 2549 มากเกือบ 2 เท่าตัว ทำให้แผนกผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุที่ใช้งานมาเป็นเวลา 30 ปี มีความแออัด มีสภาพเสื่อมโทรม ไม่สามารถขยายการให้บริการประชาชนได้อีก
ขณะนี้โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ได้เพิ่มศักยภาพการให้บริการ มีขีดความสามารถสูงขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยมีบริการตรวจรักษาโรคเฉพาะทางเช่น สาขาอายุรกรรมหัวใจ อายุรกรรมทั่วไป จักษุ หู คอ จมูก โรคไต เป็นต้น โรคที่พบมากในผู้ป่วยนอก 5 อันดับได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ อุจจาระร่วง และระบบย่อยอาหาร การผ่าตัดที่ทำบ่อย 5 อันดับแรกในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ การผ่าตัดคลอด การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต้น ผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดกระดูกแขน-ขา และการผ่าตัดตาต้อกระจก มีแพทย์ 41 คน พยาบาล 182 คน รวมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 491 คน
นอกจากนี้ โรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้รับการสนับสนุนการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์วงเงิน 190 ล้านบาท เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มารับบริการกว่าวันละ 2,000 คน สำหรับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ได้รับการสนับสนุนก่อสร้างอาคารพักแพทย์ 70 ล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุขยังได้งบประมาณในการต่อเติมสถานีอนามัยในจังหวัดสมุทรสาครอีก 10 แห่ง วงเงินประมาณ 4.2 ล้านบาท เนื่องจากสถานีอนามัยเหล่านี้ มีสภาพเก่า ทรุดโทรม คับแคบ ควรได้รับการปรับปรุงให้สามารถรองรับการให้บริการด้านการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพให้แก่ประชาชน
วานนี้(13มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับ และกล่าวว่าขณะนี้ได้ทำแผนขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการก่อสร้างตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จากรัฐบาล เพื่อก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ 5 ชั้น จำนวน 177 ล้านบาท อาคารพักแพทย์ 27 ล้านบาท อาคารแฟลตของเจ้าหน้าที่ 22 ล้านบาท และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 7.5 ล้านบาท รวมกว่า 230 ล้านบาท
นพ.ปราชญ์ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ มีเตียงรับผู้ป่วย 120 เตียง แต่ปัจจุบันรองรับผู้ป่วย 230 เตียง อัตราครองเตียงสูงถึงร้อยละ 147 ในปี 2552 มีจำนวนผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละกว่า 1,200 คน ซึ่งเพิ่มจากปี 2549 มากเกือบ 2 เท่าตัว ทำให้แผนกผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุที่ใช้งานมาเป็นเวลา 30 ปี มีความแออัด มีสภาพเสื่อมโทรม ไม่สามารถขยายการให้บริการประชาชนได้อีก
ขณะนี้โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ได้เพิ่มศักยภาพการให้บริการ มีขีดความสามารถสูงขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยมีบริการตรวจรักษาโรคเฉพาะทางเช่น สาขาอายุรกรรมหัวใจ อายุรกรรมทั่วไป จักษุ หู คอ จมูก โรคไต เป็นต้น โรคที่พบมากในผู้ป่วยนอก 5 อันดับได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ อุจจาระร่วง และระบบย่อยอาหาร การผ่าตัดที่ทำบ่อย 5 อันดับแรกในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ การผ่าตัดคลอด การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนต้น ผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดกระดูกแขน-ขา และการผ่าตัดตาต้อกระจก มีแพทย์ 41 คน พยาบาล 182 คน รวมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 491 คน
นอกจากนี้ โรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้รับการสนับสนุนการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์วงเงิน 190 ล้านบาท เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มารับบริการกว่าวันละ 2,000 คน สำหรับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ได้รับการสนับสนุนก่อสร้างอาคารพักแพทย์ 70 ล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุขยังได้งบประมาณในการต่อเติมสถานีอนามัยในจังหวัดสมุทรสาครอีก 10 แห่ง วงเงินประมาณ 4.2 ล้านบาท เนื่องจากสถานีอนามัยเหล่านี้ มีสภาพเก่า ทรุดโทรม คับแคบ ควรได้รับการปรับปรุงให้สามารถรองรับการให้บริการด้านการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพให้แก่ประชาชน