xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ โอกาสตายน้อย แนะคนไทยอย่าวิตกจนเกินไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




นายกฯ เตือนคนไทยอย่าวิตกจริต โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชี้อัตราเสี่ยงถึงขึ้นชีวิตน้อยมาก มั่นใจพื้นฐานสาธารณสุขจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ วิงวอนคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อปัญหาความรุนแรง เตือนอย่าตกเป็นเหยื่อใช้ความรุนแรงตอบโต้

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"

วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 14 มิ.ย. 52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา โรคนี้เพิ่มพูนระดับของปัญหาขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือนอกจากการเริ่มพบผู้ป่วย ซึ่งติดเชื้อในประเทศของเราเองแล้ว ก็พบว่ามีการเดินทางมาของนักท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเดินทางกลับไปแล้วก็มีรายงานว่าติดเชื้อ ดังนั้น เราต้องย้อนกลับไปตรวจสอบพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต และยังมีอีกหลายจังหวัด รวมไปถึงในกรุงเทพมหานครในบางโรงเรียน ก็ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตนพูดอยู่ตอนี้ก็ประมาณ 80 กว่าราย

"ประเทศไทยและรัฐบาลไทยจะใช้นโยบายที่เปิดเผย ไม่มีการปิดบังข้อเท็จจริง เพราะว่าเราต้องการที่จะรายงานสภาพความเป็นจริงให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวโลกได้ทราบ จะได้มั่นใจว่าเราไม่ได้มาปิดบังเพื่อประโยชน์อะไรทั้งสิ้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การทำงานของเราค่อนข้างจะเป็นไปในเชิงรุก ตัวอย่างของการไปพบที่พัทยา เราไม่ได้รอให้คนเข้ามามีอาการแล้วรายงาน แต่ว่าพอเราทราบข่าวว่าชาวไต้หวันมาติดเชื้อจากพัทยา เราส่งทีมลงไปเพื่อไปตรวจในพื้นที่ และก็พบว่ามีหลายคนที่เราตรวจพบว่าติดเชื้อ แต่ยังไม่มีอาการ การทำอย่างนี้แม้ว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่ทำให้เราสามารถที่จะดูแลแก้ไขปัญหาได้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก จริง ๆ แล้วขณะนี้ทั่วโลก เราก็ดูสถิติเห็นได้ชัดว่า อัตราการตายจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ต่ำมาก ต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ปกติด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ทำให้เราอาจจะไม่ต้องไปตื่นตระหนก ตกใจกับการเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่แก้ไข เพียงแต่ว่าการแก้ไขต้องยอมรับว่าไม่ง่าย เพราะว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทุกวันเฉพาะที่สนามบินก็หลายหมื่นคน และหลายคนจะสามารถผ่านการตรวจเรื่องของอุณหภูมิมาได้ เพราะว่าคนที่ติดเชื้ออาจจะยังไม่มีอาการ หรือถ้าสมมติว่าเขากินยาแก้ไข้หรืออะไร ก็จะทำให้เราไม่สามารถตรวจพบได้ แต่ว่าการที่เราใช้วิธีการในเชิงรุกรีบเข้าไปดูว่าใครติดเชื้อบ้าง และให้การดูแลรักษา เป็นแนวทางที่คิดว่าจะทำให้เราไม่มีความสูญเสียจากโรคนี้ ขณะเดียวกันประชาชนโดยทั่วไปก็พึงใช้ความระมัดระวังเหมือนกับไข้หวัดปกตินี่ หมั่นล้างมือ แล้วก็เห็นใครมีอาการอะไรอย่างไรนั้น หรือตัวเองมีอาการก็ควรที่จะแยกตัวออกมา แต่นักเรียนก็อย่าไปโรงเรียน อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น คิดว่าสถานการณ์นี้แม้ว่าในช่วงต่อไปคาดหมายได้ว่าจะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่เป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้ และไม่มีประเด็นปัญหาที่จะต้องตื่นตระหนก ตกใจ อะไร

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทางภาครัฐมีมาตรการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อกี้ก็อธิบายไป คุณหมอคงทราบดีกว่าว่ามันก็เหมือนกับไข้หวัด มันก็ติดค่อนข้างง่าย และโดยเฉพาะประเทศเราก็เดินทางไปมาหาสู่ และทั่วโลกก็เดินทางกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้น มันก็พบกันมากขึ้นตอนนี้ เพราะว่าส่วนใหญ่จะเริ่มจากต้นตอของคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่ระบาดไปแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกาบ้าง อะไรบ้าง ตอนนี้เราจะเห็นตัวเลขในทุกประเทศเวลามันขึ้นก็จะขึ้นเร็ว บางประเทศ สหรัฐฯ หลักหมื่น ออสเตรเลียหลักพัน ญี่ปุ่นหลักร้อย ของเราผมคาดว่าวันนี้ที่อัดรายการ พรุ่งนี้ก็คงถึงหลักร้อยเป็นไปได้ แต่ก็ยอมรับ แต่ว่าความรุนแรง คือหลายคนจะนึกย้อนกลับไปเรื่องโรคซาร์ส เรื่องไข้หวัดนก อันนั้นอัตราการสูญเสียการตายค่อนข้างสูง แต่ตัวนี้ที่ติดตามตัวเลขมาค่อนข้างต่ำ น่าจะต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ปกติด้วยซ้ำ เพียงแต่สำหรับคนที่อายุน้อยต้องระมัดระวังหน่อย เท่าที่ดูจากสถิติ

ต่อข้อถามว่า ภูมิต้านทานไม่ค่อยดี ต้องระวัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภูมิต้านทานจะน้อยหน่อย เพราะฉะนั้น ก็พึงระมัดระวังเหมือนกับโรคติดต่อต่าง ๆ และถ้ารู้ตัวว่าตัวเองไม่สบาย ก็อย่าไปเป็นภาระคนอื่น ก็หยุดอยู่บ้าน จะเป็นนักเรียนหรือจะเป็นคนทำงานก็แล้วแต่ ผู้ดำเนินรายการถามว่า ความเชื่อมั่น ณ ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่โรงเรียน แหล่งชุมชนต่าง ๆ มหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายก็ให้ไปชัด อย่างโรงเรียนก็บอก สมมติเจอห้องเรียนก็ปิดห้องเรียน และถ้าจำเป็นต้องปิดโรงเรียนก็ปิด ดีกว่าปล่อยให้ติดต่อกันมาก ๆ เพราะว่าดูในหลาย ๆ ประเทศเขาก็ต้องทำอย่างนี้ บังเอิญโรงเรียนเก่าผมที่อังกฤษ มีเด็กติด 5 คน เขาก็ปิด

ผู้ดำเนินรายการถามว่า แล้วอย่างนี้ท่านนายกฯ ได้เตือนลูกสาวไหมคะ เพราะว่าเข้าไปรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริง ๆ ก็เรื่องสุขภาพต้องดูแลอยู่แล้ว ต้องเตรียมกันอยู่แล้ว และทุกคนก็เหมือนกันหมั่นล้างมือ ไปในที่ชุมชนอะไรต่าง ๆ ถ้ามีอะไรที่ระมัดระวังได้ก็สามารถทำได้ ใส่หน้ากาก พูดง่าย ๆ ก็คือเข้าทางปาก ทางจมูก ทางตา โดยเฉพาะเรื่องมือถ้าไม่ได้ล้างไปขยี้ตา อันนี้ไม่ได้

ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า ในลักษณะของการกระทบทางด้านสาธารณสุข เราก็มีการวางไว้ แต่กลัวไหมว่าจะไปกระทบต่อเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวคงจะกระทบ เพราะต้องยอมรับว่าจะมีคนจำนวนหนึ่ง พอมีข่าวคราวแบบนี้ ประเทศไหนมีก็ไม่ไป แต่ก็ยืนยันว่านโยบายที่เปิดเผยนี่ดีกว่า คือบางคนบอกว่าจะไปเปิดเผย เขาก็ตกใจ ตนบอกว่าถ้าสมมติว่าเราไปปิดบัง และเขามาเจอ และเราปิด อันนั้นจะหนักหนาสาหัสเลย เขาจะไม่ไว้วางใจ เขาจะไม่เชื่อมั่นเราเลย เพราะฉะนั้น ได้ให้นโยบายไปว่านอกจากจะเปิดเผยแล้ว พยายหามทำให้เร็ว เข้าไปทำในเชิงรุก เมื่อกี้ก็เล่ากันไป

ผู้ดำเนินรายการถามว่า คำว่า “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ท่านเชื่อมั่นในระบบของสาธารณสุขไหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อ ตอนนี้เชื่อเพราะว่าเห็นการทำงานรวดเร็ว แต่ว่าแน่นอนความเป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิด ทำให้เราก็มีความเสี่ยงต่อการที่จะมีคนติดค่อนข้างมาก แต่ที่ผ่านมาก็ดูแลได้ครบถ้วนทุกคน หมายความว่ารักษา ส่งกลับบ้านเรียบร้อย และหลายรายเจอตั้งแต่ก่อนที่จะมีอาการรุนแรงด้วยซ้ำ ทำให้เราทำได้ง่ายขึ้น ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนด้วย รู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร รีบไปหาหมอ

ปรับโครงสร้างการแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับพี่น้องประชาชนในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลเกษตร ว่า รัฐบาลกำลังจะปรับโครงสร้างของการเข้าไปแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร มีตัวเลขที่น่าสนใจที่เคยติดค้างไว้ ตนไปตรวจสอบแล้วแนวทางของการรับจำนำที่เราทำกันอยู่ ยกเว้นกรณีของข้าวนาปรัง จะมีเกษตรกรที่ได้ประโยชน์จากโครงการ ตนคิดว่าว่าไม่ถึงร้อยละ 20 ดูจากข้าวโพด มันสำปะหลัง ข้าวนาปี แต่ว่าเงินที่รัฐบาลใช้ไปอย่างฤดูกาลที่ผ่านมานี้ ถ้ารวมกันแล้วมากกว่า 150,000 ล้าน แล้วจากการที่เราไปรับจำนำ และคนที่ได้ประโยชน์อยู่ประมาณไม่ถึงร้อยละ 20 ในข้อเท็จจริงก็คือถ้าวันนี้พืชผลที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงถูกนำออกขายในราคาตลาด ก็จะมีการขาดทุนสูงถึง 35,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นโจทย์สำคัญที่ทำไมว่ารัฐบาลกำลังจะมาทบทวน ให้เรามีโครงการที่ใช้เงินได้คุ้มค่ามากขึ้น เป็นประโยชน์กับเกษตรกรได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และก็ดูแลให้อย่างน้อยที่สุดคือรายได้ของเกษตรกรนั้นอยู่ในระดับที่จะทำให้เกษตรกรนั้นไม่เดือดร้อน หรือพอกินพอใช้ และมีกำไรอยู่ตามสมควร อันนี้เป็นเรื่องที่จะเกริ่นไว้ เพราะว่าคงจะต้องมีการติดตามเรื่องนี้ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป

ช่วงที่ 2

"มาร์ค" ยอมรับเป็นตัวอย่างไม่ดีกับปชช.เรื่องดูแลสุขภาพ แต่รักงานที่ทำจึงไม่เครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์นี้มีผู้ดำเนินรายการ 2 คน ได้แก่นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน และนางสาว สุจิรา อรุณพิพัฒน์ โดยผู้ดำเนินรายการถามว่าเมื่อวานนี้ท่านเพิ่งกลับมาจากกัมพูชา ประมาณตี 3 ใช่ไหมค่ะกว่าท่านจะได้พักผ่อนคงดึก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่จริงจะต้องกลับมาตั้งแต่ประมาณสามทุ่ม พอดีเครื่องบินขัดข้อง และก็พยายามซ่อมกันอยู่ ปรากฏว่าซ่อมไม่สำเร็จ เลยต้องเอาเครื่องบินอีกลำหนึ่งไปจากกรุงเทพฯ เครื่องบินออกจากกรุงเทพฯ ประมาณสักห้าทุ่ม

เมื่อถามว่า ประชาชนคนไทยก็เป็นห่วงสุขภาพของท่านนายกฯ เหมือนกันว่าพักผ่อนน้อย ทำงานหนักอย่างนี้ เจอความเครียดเยอะๆ รับปัญหาอย่างนี้ยังไง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอบคุณ เพราะว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่แสดงความห่วงใยเรื่องของสุขภาพ แต่คิดว่าข้อแรกต้องสารภาพก่อนว่า ไม่ค่อยเป็นตัวอย่างที่ดี และคิดว่านักการเมืองหลายคนก็คงไม่เป็นตัวอย่างที่ดี หนึ่ง คือว่าการพักผ่อน การนอน อาจจะน้อยไปสักนิดหนึ่ง สอง คือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา สาม ไม่ได้ออกกำลัง เพราะฉะนั้น 3 เรื่องนี้ขอความกรุณาอย่าทำตาม แต่ว่าสิ่งที่คิดว่าพอช่วยได้คือสุขภาพจิต คือเป็นคนที่เลือกมาทำงานนี้เพราะชอบงานการเมือง เพราะฉะนั้น ยังมีความสุขเกี่ยวกับการทำงาน มีปัญหาก็เป็นเรื่องปกติสำหรับงานอย่างนี้ และพยายามที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาและก็แก้ไขปัญหาไป และก็ถือว่าได้รับโอกาสให้มาทำสิ่งที่เราตั้งใจว่าเราอยากจะทำ เพราะฉะนั้น ในแง่นั้นก็คือจะบอกว่าไม่เครียดก็ไม่เครียด อาจจะมีแรงกดดันเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้างเป็นปกติธรรมดา ซึ่งก็ว่าดี ไม่รู้หมอว่าดีหรือเปล่า แต่คิดว่าคนเราทำงานก็ต้องมีแรงกดดันบ้าง ถ้าไม่มีซะเลยก็เหมือนกับขาดแรงกระตุ้น เวลาที่เราสนใจใส่ใจ และมีความสุขกับงาน มันก็ช่วยเราได้เยอะ ก็เหมือนเวลาเราอ่านหนังสือ ดูหนังสือ เป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงาน คือถ้าเป็นสิ่งที่เราสนใจเราชอบ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ

เมื่อถามว่า ไม่รู้สึกเบื่อ หรือรักที่จะทำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สนใจ ไม่ชอบ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ไม่มีความสุข เดี๋ยวก็หลับ สำหรับตนส่วนใหญ่เรื่องที่ทำอยู่เป็นเรื่องที่สนใจ เพราะฉะนั้น จะเป็นแรงกระตุ้นให้เราก็สนุกสนานไปกับมัน และไม่รู้สึกว่าล้า ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย จนกระทั่งตอนเย็นก็อีกเรื่องหนึ่ง พอจบแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ถามต่อว่าขีดเส้นใต้นิดหนึ่ง เมื่อกี้ท่านบอกว่าปัญหาเป็นเรื่องที่ปกติอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาเรียกว่าวิกฤตทางชีวิต วิกฤตทางสังคม ใกล้ตัวท่านด้วยก็บอกว่าการเมืองมันรุมเร้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน รู้ว่าทุกคนก็มีปัญหา มีอุปสรรค มีเรื่องราวที่จะต้องเผชิญ แต่ว่าตนก็ยังเชื่อมั่น ไม่ใช่ประเทศอย่างเดียว เชื่อมั่นประชาชน เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนมีความเข้มแข็ง มีความหนักแน่น และรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางให้ปัญหายาก ๆ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภาคใต้ ผ่านพ้นไป อย่างช่วงนี้อาจจะรุนแรงหน่อย

"นายกฯ" เผย ไม่ห่วงวันประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ วอนฝ่ายค้านให้ความร่วมมือ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า วันนี้ (13มิ.ย.) จะเดินทางไปที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเป็นตัวอย่างของโครงการไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลกำลังจะเอาเงินที่กู้ยืมในประเทศ จะออกพันธบัตรหรือกู้ยืมในประเทศมาใช้ในการลงทุน เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำจริง ๆ นั้นคือการลงทุนเพื่อความเข้มแข็งของประเทศไทยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้จะไปดูประตูระบายน้ำ ได้เห็นภาพในเรื่องของการขยายถนน แล้วก็ในเรื่องของงานทางด้านสังคม เช่น งานทางด้านสาธารณสุข ซึ่งจะไปเยี่ยมโรงพยาบาล วันนี้ก็เลือกจังหวัดสมุทรสาครที่จะไปดูกัน และจะมีภาพบรรยากาศเหล่านี้เข้ามา พร้อมๆ กับการพูดคุยกับพิธีรับเชิญ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันจันทร์เป็นต้นไป รัฐบาลกำลังขอความร่วมมือจากสมาชิกสภาฯ ช่วยผ่านกฎหมาย 3 ฉบับก็ว่าได้ ฉบับหนึ่งคือกฎหมายงบประมาณประจำปี อันนี้เป็นเรื่องปกติ อีกฉบับเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และอีกฉบับเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ในเรื่องเดียวกัน คือขออำนาจรัฐบาลในการกู้เงิน ซึ่งขอย้ำว่าเป็นการกู้ภายในประเทศ จริง ๆ แล้วคือจะเอาเงินซึ่งแช่อยู่ในระบบธนาคารของคนไทยด้วยกันเอง เอามาใช้ ทีนี้เอามาใช้เอามาทำอะไร ชื่อโครงการคือไทยเข้มแข็ง หลายคนกังวลว่าหนี้สินเพิ่มหรือเปล่า ผมก็เลยเริ่มไปแสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไร สิ่งที่เรากำลังทำคือกำลังไปลงทุนในสิ่งซึ่งประชาชนเกือบทุกพื้นที่ในประเทศไทยรอคอยมานาน

จุดที่ไปจุดแรกก็โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ที่โรงพยาบาลก็คงเหมือนกับอีกหลายอำเภอ หรืออาจจะเกือบทุกอำเภอ ทุกเช้าโดยเฉพาะถ้าวันธรรมดา ใครไปเห็นการเข้าคิว นั่งรอกัน ข้อเท็จจริงคือว่าเราแทบไม่ได้มีการจัดเงินมาลงทุนในการที่จะปรับปรุง ในการที่จะเพิ่มพูนความสามารถในการบริการด้านสาธารณสุขในภาครัฐมาหลายปีแล้ว ส่วนหนึ่งพูดตรงไปตรงมาคือว่าเพราะค่าใช้จ่ายในโครงการรักษาฟรี มันกินเงินไปเกือบหมด เพราะฉะนั้น ก็ไปดู ที่นี่คิวก็ยาวมาก และภายใน 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยนอก คือคนไข้ที่ไปทุกเช้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้น ไม่พอ เขาก็ต้องการอาคารอุบัติเหตุ อาคารผู้ป่วยนอก ตึก 5 ชั้น ของบประมาณมา เขาก็บอกไม่รู้กี่ปีแล้วไม่เคยได้ นี่ล่ะไทยเข้มแข็ง คือบอกเอาเงินมาทำตรงนี้ซะ เพราะประเทศต้องการตรงนี้ แล้วจะรอจนกว่าเรามีเศรษฐกิจดี มีงบประมาณเข้ามา ไม่ใช่ ตรงกันข้ามก็ทำตรงนี้ ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น ก็จัดสรรให้ ก็ถามเขาเลยบอกว่าแล้วพร้อมทำหรือเปล่า เขาบอกว่าถ้าสภาฯ อนุมัติเงินออกมา แบบทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะทุกปีรอเงินอย่างเดียว ตัวนี้ก็จะเริ่ม จะสร้างเสร็จภายใน 1 ปี เลยถาม เมื่อกี้ที่นั่งอยู่ก็มีท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวง ก็บอกว่าทั่วประเทศที่ขาดแคลนที่รอคอยตรงนี้ก็จะเข้ามาอยู่ในโครงการไทยเข้มแข็ง อันนี้ตัวอย่างเรื่องสาธารณสุข

เสร็จจากนั้นก็ไปที่อำเภอบ้านแพ้ว ไปดูประตูระบายน้ำชื่อ “บางยาง” ก็ถามว่าเป็นยังไง เขาบอกว่าพื้นที่นั้นมีคลองระหว่างแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง แล้วมันต้องควบคุมสภาพระดับน้ำเพื่อประตูน้ำ ปรากฏว่าประตูน้ำที่เขาใช้อยู่นี้ทำสมัยสงครามโลก ตอนแรกผมก็ถามเหมือนกันว่าครั้งที่ 1 หรือเปล่า เสร็จแล้วเขาใช้มือหมุน และก็เริ่มรั่วเริ่มอะไรต่าง ๆ ชาวบ้านบอกว่าขอโครงการนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี ก็ไม่ได้ และวันนี้โครงการในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ ในส่วนของไทยเข้มแข็งก็จะลงไปทำตัวนี้ ก็บอกว่าอันนี้ยากหน่อย ยากกว่าสร้างตึกโรงพยาบาลอีก เขาบอกว่าต้องรื้อและสร้างใช้เวลาเกือบ 3 ปี แต่ว่าพร้อมที่จะดำเนินการปลายปีนี้ ถ้าทุกอย่างในเรื่องของเงิน เงินกู้ที่เข้ามางบออกมา ชาวบ้านก็แก้บนกันไปหลายคน เพราะว่าน้ำท่วมครับ ที่เดือดร้อนคือน้ำท่วมมาทุกปี ๆ ตรงนี้ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง พอดีรีบกลับมาเนื่องจากว่าต้องสัมภาษณ์อะไรต่าง ๆ ด้วย เลยไม่ได้ไปดูอีกโครงการหนึ่งที่เป็นตัวอย่าง เป็นการขยายถนนให้เป็น 4 ช่องจราจร ระหว่างถนนพระประโทน-บ้านแพ้ว ซึ่งตรงนั้นจะเป็นในหมวดของคมนาคม

เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้วมีหมวดคมนาคมขนส่ง แหล่งน้ำ หรือการบริหารจัดการน้ำ โรงเรียน เสียดายวันนี้ยังไม่ได้ไปดูโรงเรียน และก็มีสาธารณสุข นอกนั้นจะเติมเป็นเรื่องแหล่งท่องเที่ยวบ้าง ปัญหาภาคใต้ซึ่งมีงบเพื่อไปทำให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอะไรต่าง นี่คือสาระของมัน ผมเลยบอกว่า คือไม่สบายใจเหมือนกัน อ่านบอกเป็นเรื่องกู้ เป็นเรื่องหนี้ ที่จริงเป็นเรื่องลงทุน และเป็นการลงทุนซึ่งกระจายไปทั่วประเทศ แล้วจะเป็นตัวสร้างงานด้วย ระหว่างที่โครงการเหล่านี้ทำ เราก็ตั้งเป้าว่าจะสร้างงานให้ได้สัก 1.5-2 ล้านคน ก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย และไม่ใช่เป็นการกระตุ้นที่ไปพึ่ง เมื่อก่อนจะพึ่งโครงการใหญ่ ๆ 2-3 โครงการ โครงการเป็นแสนล้าน ปรากฏว่าพอมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่มีอะไรขยับ แล้วก็กระจุกตัวอยู่ ไม่ใช่ อันนี้คือกระจายไปทั่วประเทศ และขณะนี้ผมขอให้ทางท่านรัฐมนตรีทั้งหลายลงพื้นที่แบบเดียวกัน ไปดูความพร้อมของโครงการเหล่านี้ และที่สำคัญคือเวลาไป พี่น้องประชาชนจะมา เราก็จะฝากเลยพี่น้องประชาชนบอกว่า หนึ่ง ช่วยดูหน่อยนะที่เขาบอกว่าจะเอาตึกนี้ไหม เสร็จภายในปีหน้า ดูแลให้เสร็จด้วย สอง ซักให้ละเอียดเลย ตึกราคาเท่าไหร่ ยังไง ถ้ามีอะไรไม่โปร่งใสบอกรัฐบาลมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อยากจะเชิญชวนว่าประชาชน เชื่อว่าทุกอำเภอมีโครงการในไทยเข้มแข็งแน่นอน ติดตามสอบถามสิ เราก็กำลังเอารายละเอียดของพวกนี้ขึ้นเว็บไซต์หรือเผยแพร่ออกไป เพื่อประชาชนจะได้ติดตามด้วย เราไม่ใช่พูดสร้างโน้น พูดสร้างหนี้อย่างเดียว อยากจะบอกว่าหนี้นี่คือหนี้สาธารณะ มันไม่เหมือนหนี้ของคน หนี้สาธารณะคือหนี้ของรัฐบาล การใช้หนี้ของรัฐบาลคือการเก็บภาษีในวันข้างหน้า ซึ่งมันเป็นหลักทั่วไปของการบริหาร ยามเศรษฐกิจดี เราก็จะเก็บภาษีเขามาได้เยอะ เราก็จะใช้จังหวะช่วงนั้นในการใช้หนี้ และก็เป็นการทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ เพราะเศรษฐกิจดี ถ้าร้อนเกินไป ไม่ดีใช่ไหม เราก็เก็บเงินเข้ามาเป็นภาษี เวลาเศรษฐกิจไม่ดี เราก็จะเก็บภาษีได้น้อย คนก็จะว่างงาน เราก็จำเป็นจะต้องมาลงทุนในช่วงอย่างนี้ และหนี้ก็จะสูงขึ้น เพราะฉะนั้น หนี้สาธารณะจะขึ้น-ลงอยู่ตลอดเวลา จริง ๆ พวกเราแทบจะไม่รู้ตัวว่าเราเป็นหนี้เพิ่มขึ้น น้อยลงหรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องการบริหารจัดการการเงินการคลัง ยกเว้นเราไม่มีวินัยเลยเรียกว่าเอาจนท่วม จนประเทศล้มละลาย

"ผมยืนยันได้ว่าที่เราทุ่มในการลงทุนครั้งนี้ดูตัวเลขว่า เขาจะดูตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของประเทศ มันจะขึ้นไปถึงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ 60 เปอร์เซ็นต์นี่ใกล้เคียงกับเมื่อตอนที่เราผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว แล้วก็ต่ำกว่าอีกหลายประเทศ และเป็นระดับที่สากลยอมรับได้ และก็ดูแลแล้วว่าไม่เกินเลยไปกว่านี้ เพราะฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าวันนี้ปัญหาไม่ใช่เรื่องหนี้ ปัญหามาช่วยกันดูดีกว่าว่าเราจะเข้มแข็ง เราจะลงทุนกันหรือยัง ทำให้ได้เร็ว ทำให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำอย่าให้รั่วไหล ทำให้ตรงกับความต้องการของประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าอยู่ในวงการสาธารณสุขจริง ๆ แล้วงบประมาณในเรื่องการก่อสร้างหรือปรับปรุงสถานพยาบาล ประทานโทษถูกตรึง เขาเรียกว่าตอกหมุดมานานแล้ว ไม่มีงบมาเลย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่าประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ถ้าพูดเรื่องสาธารณสุข เงินส่วนใหญ่ไปมีปัญหากับเรื่องโครงการรักษาฟรี 30 บาทอะไรต่าง ๆ เพราะฉะนั้น การลงทุนน้อย ถนนนี่ ก็ทราบมาว่างบซ่อมแซมแทบไม่พอ อาจจะเป็นเพราะว่ามีการจัดงบประมาณไปเรื่องอื่น โรงเรียนก็เช่นเดียวกัน การปรับปรุงจะเป็นห้องปฏิบัติการ จะเป็นห้องสมุด ห้องอะไร น้อยมาก และขอในเรื่องการศึกษา ที่กำลังขอเพิ่มเติมคือเรื่องศูนย์เด็กเล็ก เพราะว่ากำลังเป็นห่วงเรื่องเด็กเล็กมาก และมีตัวเลขหลายตัวที่น่าเป็นห่วง เช่น อยู่กับพ่อแม่น้อยลง โภชนาการ การเตรียมความพร้อม การได้รับการดูแลถูกต้องน้อย และศูนย์ดูแลเด็กเล็กที่มีคุณภาพมาตรฐานจะในชุมชน ในสถานที่ทำงานน้อย อย่างนี้ก็ต้องไปทุ่ม ทุ่มลงไป และจะมีเรื่องแหล่งท่องเที่ยวเรื่องอะไรก็ว่ากันไป ความจริงต้องบอกว่ายังมีอีกเยอะนะครับ เมื่อกี้ความจริงระหว่างที่ลงพื้นที่ไปก็รับมาหลายฉบับ จดหมายจากชาวบ้าน ขอตรงนั้นด้วย ขอตรงนี้ด้วย อะไรอย่างนี้ แต่ว่าอันนี้คือโครงการที่เราได้พิจารณาว่าหน่วยงานเขามีการประเมินอยู่ ว่า หนึ่ง สอดคล้องกับนโยบาย สอง มีความพร้อมระดับหนึ่ง โดยเฉพาะที่จะต้องใช้พระราชกำหนด คือว่าบางโครงการจะให้เริ่มได้ก่อน ก่อนสิ้นปีงบประมาณนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเรื่องสาธารณสุข จะมีตรงนี้ส่วนหนึ่ง ส่วนของสถานีอนามัย มันมีนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ คือจะยกระดับสถานีอนามัยขึ้นมาเรียกว่าเป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพระดับตำบล ความหมายคือว่าจะให้บริการได้มากกว่าสถานีอนามัยในปัจจุบัน และในบางพื้นที่จะใช้วิธีการเอาเทคโนโลยีไปเชื่อมโยงเข้าหา จะเป็นโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อที่ว่าสามารถที่อาจจะปรึกษาหมอ โดยที่หมอไม่ต้องมาที่สถานีอนามัย เหตุผลที่เราทำอันนี้คือว่าต้องการส่งเสริมให้คนใช้สถานบริการด้านสาธารณสุขใกล้บ้านมากขึ้น ไม่อย่างนั้นทุกคนก็อาจจะมีความรู้สึกว่าต้องเข้ามาในเมืองหมด และถ้าเราทำตรงนี้จะช่วยลดความแออัดตรงนี้ด้วย ก็ทำควบคู่กันไป ตั้งเป้าเอาไว้ว่าในโครงการไทยเข้มแข็งประมาณสัก 40 เปอร์เซ็นต์ของสถานีอนามัยทั่วประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ของตำบลที่มีอยู่

ถามย้ำว่า ภายในงบ 4 แสนล้านหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายในงบ 6 แสนล้านที่มาจากตรงนี้ สำหรับประชนที่อยู่ไกลๆ 40 เปอร์เซ็นต์น่าจะได้ เพราะว่าตำบลก็ประมาณ 7,000 กว่าตำบล ได้ประมาณสักเกือบ 2,600-2,700 ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วโครงการไทยเข้มแข็งเหมือนกับจะเป็นการปูพื้นฐานให้กับประชาชนที่อยู่รากหญ้าจริง ๆ ให้เริ่มพึ่งพาตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดตรง ๆ จะบอกว่ารัฐบาลแต่ละชุด เขาก็ทำงาน แต่ว่าจุดเน้น 6-7 ปีที่ผ่านมาเหมือนกับเอาเงินไปให้กู้ พูดกันตรง ๆ ใช่ไหม โครงการหลักก็คืออาจจะเป็นกองทุนหมู่บ้านเป็นอะไร ซึ่งก็จะทำต่อ แต่ว่าตัวโครงสร้างพื้นฐานจริง ๆ ถูกละเลยไป และเราก็มาดูความสามารถของประเทศ เวลาเขาจัดอันดับการแข่งขัน เราก็เห็นชัดว่ามันถอยลงไป เช่น ถนนหนทาง แม้กระทั่งโทรคมนาคมขนาดเราคิดว่าทันสมัยอะไรต่าง ๆ เราก็ถอยไปเยอะ โรงเรียน คือบริการการศึกษา บริการสาธารณสุข ถอยลงไปเยอะ ซึ่งมันต้องลงทุน คือการช่วยเหลือประชาชนโดยตรงก็ต้องทำไป จะช่วยเรื่องเกษตรกร เรื่องรายได้ จะมีเงินทุนอย่างชุมชนพอเพียงอะไรก็ทำไป จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างที่รอบแรกที่เราทำเรื่องเรียนฟรี ผู้สูงอายุ อสม. อันนั้นก็ทำ แต่ถ้าทำแต่เฉพาะตรงนั้น บ้านเมืองจะอ่อนแอลง แข่งขันได้ยากขึ้น

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ในงบใหม่มีอสม.ด้วยหรือไม่ หรือมีไปแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ คือ อสม.นี่ ตั้งแต่งวดงบกลางปี เราได้ทำแล้ว คือสำรวจ และมี อสม.มาอบรม มอบหมายภารกิจ เพราะเน้นว่าไม่ใช่เงินเดือน เป็นค่าตอบแทนกับภารกิจที่มอบหมาย หลักคือว่า อสม. 1 คน ดูแล 10 ครอบครัว ทำบันทึกประวัติ ให้คำแนะนำ ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ ซึ่งเป็นระบบที่ทั่วโลกยอมรับมากว่ามีความก้าวหน้า ก็เป็นค่าตอบแทนไปเดือนละ 600 บาท ซึ่งอันนี้จัดงบแล้ว และจะจัดตลอดไป จนกว่าจะมีคนอื่นมาเปลี่ยนนโยบาย ก็จัดตลอดไป ก็เป็นสาธารณสุขเชิงรุก เพราะว่าตัวนี้ก็เป็นตัวที่เราเน้นมาตลอดว่า ถ้าเรารอรับอย่างเดียว ความหมายก็คือว่าให้คนเจ็บไข้ได้ป่วย และก็หลั่งไหลเข้ามา มันก็จะไม่จบไม่สิ้น แล้วความต้องการนี้จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ก็ใช้วิธีลงไปเพื่อสร้างความรู้ และทำอย่างไรให้คนดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย เหมือนกับที่เราคุยเมื่อตอนต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อสักครู่พูดเรื่องเด็กเล็กไปแล้ว ทีนี้เรื่องของเรียนฟรีก็เริ่มไปแล้ว ก็ต้องมาหมุนดูเรื่องคุณภาพ คุณภาพก็มีหลายเรื่อง เรื่องปัญหาของครู ปัญหาในเรื่องของหลักสูตรก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง และความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ เพราะฉะนั้น ในไทยเข้มแข็ง มันจะมีครับ มีเรื่องห้องสมุด ห้องปฏิบัติการ เครื่องไม้เครื่องมือ คอมพิวเตอร์ อะไรต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยเสริมทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งอาชีวศึกษา ทั้งอุดมศึกษา ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาประกอบกันกับมาตรการปฏิรูปการศึกษา ที่จะยกระดับคุณภาพของการศึกษาเราขึ้นมา จริง ๆ แล้วประเทศจะแข็งแรงได้ คนจะต้องแข็งแรง แต่ว่าคนจะแข็งแรงได้ ก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยที่จะทำให้แข็งแรงได้ มันก็เข้มแข็ง ความเข้มแข็งก็ต้องทั้งคนทั้งประเทศทั้งโครงสร้างพื้นฐานก็ไปด้วยกัน

ผู้ดำเนินรายการถามว่า อยากจะให้ไหลมาทางกระทรวงสาธารณสุขเยอะ ๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง สำหรับส่วนอื่นก็เป็นการขนส่งคมนาคม พลังงาน ส่วนหนึ่ง น่าจะประมาณ ตรงนั้นจะแพงหน่อย และถัดลงมาอาจจะเป็นเรื่องแหล่งน้ำ อันนี้สำหรับเกษตรกร และก็มีการศึกษา กับสาธารณสุข รวมกันก็จะใกล้เคียงกับแหล่งน้ำ ทุกจังหวัดจะได้ทั่วถึง ทั่วประเทศ จะดูแลและวันที่จะเข้าสภาฯ วันจันทร์ก็จะให้มีการกระจายตัวเลขออกมา แต่ละจังหวัดได้เงินเท่าไหร่ในแต่ละด้าน

ผู้ดำเนินรายการถามว่า 2 วันที่จะมีการอภิปราย เป็นห่วงอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วงหรอก ก็เป็นกระบวนการของสภาฯ แต่ว่าต้องขอความร่วมมือท่านสมาชิกรัฐสภา ฝ่ายรัฐบาลก็ขอความกรุณาเข้าประชุม ฝ่ายค้านก็จะขอความกรุณาว่ายกมือให้เถอะ แต่ว่าก็เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย และยินดีที่จะรับฟังเหตุผลการท้วงติง

"ผมยืนยันนะครับว่า ผมมาขออนุมัติ ผมไม่อยากขออนุมัติเงินกู้หรอก ผมมาขออนุมัติทั้งแหล่งน้ำ ขออนุมัติทั้งถนน ขออนุมัติทั้งโรงเรียน ทั้งโรงพยาบาล ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ถ้าท่านให้ก็คือได้สิ่งเหล่านี้ ถ้าท่านไม่ให้ก็ยังทำไม่ได้เท่านั้นเองครับ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว











กำลังโหลดความคิดเห็น