อธิการบดีมหิดล สั่งปิดเรียนคณะสาธารณสุขศาสตร์แล้วหลังพบเด็กป่วยหวัดพันธุ์ใหม่ 1 ราย และจ่อติดอีก 3 ราย ขณะที่ผลแล็บยันเด็กชายเซนต์คาเบรียลป่วยหวัดใหญ่เพิ่ม 1 ราย
ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้พบว่านักศึกษาหญิงของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อายุ 20 ปี ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นรายเก่า แต่ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งรับทราบข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนักศึกษารายนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ตนได้สั่งหยุดการเรียนการสอนของคณะสาธารณสุขศาสตร์ไปก่อนจนกว่าจะผ่านระยะติดเชื้อไป ซึ่งเป็นไปตามหลักการป้องกันโรคระบาดของกระทรวงสาธารณสุข
**เด็กเซนต์คาเบรียลติดอีก1ราย
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคประจำวัน พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นเด็กชายนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งเป็นผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากที่มีการการเก็บตัวอย่างเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) 10 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วยรวมทั้งหมด 47 ราย ไม่มีรายใดเสียชีวิต และมีรายงานผู้ป่วยที่ในข่ายเฝ้าระวังที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหรือกำลังตรวจทางห้องปฏิบัติการจำนวน 105 ราย
“ส่วนนักศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลนั้น เป็นผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่มีการขึ้นทะเบียนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทางมหาวิทยาลัย เห็นว่ามีนักศึกษาที่มีอาการป่วย จึงอาจสั่งให้หยุดเรียนก็เป็นได้”นพ.คำนวณ กล่าว
**รับยังไม่รู้ต้นเหตุชาวไต้หวัน-ฮ่องกงป่วย
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า กรณีผู้ป่วยชาวฮ่องกงที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ หลังจากเดินทางมาเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต 4-5 วัน นั้น อยู่ระหว่างสอบสวนโรคยังไม่สามารถสืบถึงต้นต่อเช่นเดียวกับผู้ป่วยชาวไต้หวัน โดยส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เก็บสารคัดหลั่ง ตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จำนวน 20 ราย จากในผับเนื่องจากเป็นสถานที่แออัดมีโอกาสเกิดโรคได้ง่าย แต่หากอยู่ในโรงแรมซึ่งอยู่คนเดียวไม่ได้สัมผัสผู้อื่นมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่น้อย รวมถึงการไปเที่ยวชายหาด ทะเล ซึ่งมีอากาศโปร่ง ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยชาวฮ่องกงเป็นชายวัย 33 ปี เดินทางกลับจาก จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ด้วยสายการบินดรากอนแอร์ ที่ยวบินที่ เคเอ 213โดยท่องเที่ยวพักอยู่ในภูเกตระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน เริ่มมีอาการไอวันที่ 7 มิ.ย.ได้แจ้งรายละเอียดในใบสอบถามประวัติ ซึ่งมีการแสดงอาการบนเครื่องว่ามีอาการไข้หวัด เมื่อผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ(เทอโมสแกน) พบเป็นไข้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะมีการยืนยันผลการตรวจอีกครั้งหนึ่ง
นพ.คำนวณ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการทำหนังสือเวียนไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อปรับการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ โดยให้แพทย์จ่ายยาเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุ 65 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ 95% ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อโรคได้เอง ขณะที่เด็กหากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เท่ากับมีภูมิคุ้มกันโรค ส่วนใหญ่จะไม่กลับมาเป็นไข้หวัดพันธุ์นี้อีก
“เฉลี่ยไข้หวัดใหญ่ที่เกิดตามฤดูกาลจะเกิดขึ้น 3-4 หมื่นรายต่อปี หรือ 3 พันรายต่อเดือน โดยจะพบมากในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน และจะเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคม ทั้งนี้ มีการเฝ้าระวังการผสมพันธุ์ระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่มีใครทราบว่า เมื่อผสมกันแล้วจะมีฤทธิ์อ่อนลงหรือรุนแรงมากขึ้น”นพ.คำนวณกล่าว
**ยันสาธิตเกษตรฯแค่หวัดธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกระแสข่าวลือว่า พบนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบไปยัง รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตฯ ได้รับการยืนยันว่า นักเรียนคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น
ด้าน รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดี มก. กล่าวว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ออกประกาศเตือนให้นักเรียน และนิสิตในสังกัด มก.ทุกคน ระมัดระวังและดูแลร่างกายตนเอง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีฝนตกบ่อยครั้ง เพื่อจะได้ไม่เป็นไข้หวัด และยืนยันว่าหากมีนักเรียน หรือนิสิต ในสังกัดของ มก.ติดไข้หวัดใหญ่ 2009 จะไม่มีการปิดบังข้อมูลอย่างแน่นอน
**ม.มหิดลติดจ่อติดเพิ่ม 3 ราย
ต่อมา นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับรายงานจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลว่า มีนักศึกษาที่ติดเชื้อไข้หวัด 2009 1 ราย โดยเป็นนักศึกษาหญิงที่เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนอีก 3 รายซึ่งเป็นเพื่อนใกล้ชิดมีแนวโน้มว่าจะติดเช่นกัน โดยคงต้องรอผลยืนยันอีกครั้ง
ด้าน นพ. พิทยา จารุพูนผล คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางคณะได้สั่งปิดการเรียนการสอนของนักศึกษาปี 3-4 ซึ่งมีนักศึกษาประมาณ 200 คน เนื่องจากตรวจพบนักศึกษาหญิง ชั้นปี 3 ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการฝึกงานภาคฤดูร้อนได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 1 ราย ขณะเดียวกันก็พบว่าในกลุ่มเพื่อนของนักศึกษารายดังกล่าว ซึ่งติดต่อสัมผัสกัน มีอาการไข้ จำนวน 4 คน และเมื่อมีการตรวจหาเชื้อก็พบว่า 3 ใน 4 ราย มีผลเป็นบวก โดยจะทราบผลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด จึงได้สั่งการให้หยุดการเรียนการสอน 7 วัน พร้อมทั้งให้คำแนะนำนักศึกษาในการดูแลตนเอง โดยแจกแบบบันทึกการเฝ้าระวังตนเองให้แก่นักศึกษา อาทิ จดบันทึกการเดินทางว่าได้ไปที่ใดบ้างในแต่ละวัน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อ
นพ.พิทยา กล่าวต่อไปว่า ทางคณะจะมีนักศึกษาที่ทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง อีก ประมาณ 10 ราย โดยจะให้นักศึกษาหยุดพักดูอาการตนเองที่บ้านอย่างน้อย 3 วัน และต้องติดต่อกับทางคณะอย่างใกล้ชิด ส่วนการเรียนในระดับ ปริญญาโทและเอก ยังเปิดสอนตามปกติ เพราะไม่ได้เป็นกลุ่มที่สัมผัสกับนักศึกษาที่ติดเชื้อ นอกจากนี้ในวันที่ 13-14 มิ.ย. จะประสานให้ทาง กทม. เข้ามาทำความสะอาดตึกเรียนต่างๆของทางคณะอีกด้วย
**เก็บเชื้อเด็กอนุบาลตรวจ 50 ราย -บางละมุงแห่ตรวจ
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างเชื้อเด็กนักเรียนอนุบาลในจ.ปทุมธานี ที่ป่วยเป็นไข้หวัดจำนวนมาก ประมาณ 50 ราย ส่งตรวจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ ที่น่าเป็นห่วงคือ ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ อ.บางละมุงที่ป่วยเป็นไข้หวัดกว่า 100 ราย เดินทางไปรพ.บางละมุง เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าตัวเองป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลหรือสายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกันกับผู้ปกครองของนักเรียนที่ต่างพาบุตรหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ที่จะรู้ว่าตัวเองป่วยด้วยเชื้อสายพันธุ์ใด เนื่องจากวิธีการรักษาและการป้องกันโรคเหมือนกันทุกสายพันธุ์ ไม่จำเป็นต้องเสียค่าตรวจอย่างน้อยครั้งละ 2,000 บาท
**หมอแนะปิดโรงเรียนไม่ได้ผล
นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิ์วัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากความเห็นส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะมีการปิดโรงเรียนเพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกได้ แต่ควรให้เฉพาะเด็กที่มีอาการป่วยหยุดการเรียนจนกว่าจะหายก็เพียงพอแล้วและ.หาวิธีในการป้องกันการแพร่เชื้อภายในบ้าน เหมือนกับประเทศอเมริกาที่แม้ว่าจะพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีความกังวลกับโรคไข้หวัดใหญ่และสามารถอยู่ร่วมกับโรคได้ปกติ
"กรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำว่า หากพบนักเรียนติดเชื้อ 1 คน จากการเดินทางมาจากต่างประเทศไม่แนะนำให้ปิดโรงเรียนแต่ให้นักเรียนหยุดเรียน แต่หากมีการป่วยโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศเลยก็ปิดเฉพาะที่เป็นปัญหา ทั้งนี้ต้องดำเนินการในช่วงต้นๆของการติดเชื้อ หากดำเนินการปิดในช่วงหลังอาจไม่ได้ผลเช่นกัน”นพ.ศุภมิตร์ กล่าว
ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้พบว่านักศึกษาหญิงของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อายุ 20 ปี ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นรายเก่า แต่ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งรับทราบข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนักศึกษารายนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ตนได้สั่งหยุดการเรียนการสอนของคณะสาธารณสุขศาสตร์ไปก่อนจนกว่าจะผ่านระยะติดเชื้อไป ซึ่งเป็นไปตามหลักการป้องกันโรคระบาดของกระทรวงสาธารณสุข
**เด็กเซนต์คาเบรียลติดอีก1ราย
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โรคประจำวัน พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นเด็กชายนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งเป็นผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากที่มีการการเก็บตัวอย่างเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) 10 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วยรวมทั้งหมด 47 ราย ไม่มีรายใดเสียชีวิต และมีรายงานผู้ป่วยที่ในข่ายเฝ้าระวังที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหรือกำลังตรวจทางห้องปฏิบัติการจำนวน 105 ราย
“ส่วนนักศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลนั้น เป็นผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่มีการขึ้นทะเบียนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทางมหาวิทยาลัย เห็นว่ามีนักศึกษาที่มีอาการป่วย จึงอาจสั่งให้หยุดเรียนก็เป็นได้”นพ.คำนวณ กล่าว
**รับยังไม่รู้ต้นเหตุชาวไต้หวัน-ฮ่องกงป่วย
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า กรณีผู้ป่วยชาวฮ่องกงที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ หลังจากเดินทางมาเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต 4-5 วัน นั้น อยู่ระหว่างสอบสวนโรคยังไม่สามารถสืบถึงต้นต่อเช่นเดียวกับผู้ป่วยชาวไต้หวัน โดยส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เก็บสารคัดหลั่ง ตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จำนวน 20 ราย จากในผับเนื่องจากเป็นสถานที่แออัดมีโอกาสเกิดโรคได้ง่าย แต่หากอยู่ในโรงแรมซึ่งอยู่คนเดียวไม่ได้สัมผัสผู้อื่นมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่น้อย รวมถึงการไปเที่ยวชายหาด ทะเล ซึ่งมีอากาศโปร่ง ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยชาวฮ่องกงเป็นชายวัย 33 ปี เดินทางกลับจาก จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ด้วยสายการบินดรากอนแอร์ ที่ยวบินที่ เคเอ 213โดยท่องเที่ยวพักอยู่ในภูเกตระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน เริ่มมีอาการไอวันที่ 7 มิ.ย.ได้แจ้งรายละเอียดในใบสอบถามประวัติ ซึ่งมีการแสดงอาการบนเครื่องว่ามีอาการไข้หวัด เมื่อผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ(เทอโมสแกน) พบเป็นไข้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะมีการยืนยันผลการตรวจอีกครั้งหนึ่ง
นพ.คำนวณ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการทำหนังสือเวียนไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อปรับการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ โดยให้แพทย์จ่ายยาเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุ 65 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ 95% ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อโรคได้เอง ขณะที่เด็กหากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เท่ากับมีภูมิคุ้มกันโรค ส่วนใหญ่จะไม่กลับมาเป็นไข้หวัดพันธุ์นี้อีก
“เฉลี่ยไข้หวัดใหญ่ที่เกิดตามฤดูกาลจะเกิดขึ้น 3-4 หมื่นรายต่อปี หรือ 3 พันรายต่อเดือน โดยจะพบมากในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน และจะเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคม ทั้งนี้ มีการเฝ้าระวังการผสมพันธุ์ระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งไม่มีใครทราบว่า เมื่อผสมกันแล้วจะมีฤทธิ์อ่อนลงหรือรุนแรงมากขึ้น”นพ.คำนวณกล่าว
**ยันสาธิตเกษตรฯแค่หวัดธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกระแสข่าวลือว่า พบนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบไปยัง รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตฯ ได้รับการยืนยันว่า นักเรียนคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น
ด้าน รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดี มก. กล่าวว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ออกประกาศเตือนให้นักเรียน และนิสิตในสังกัด มก.ทุกคน ระมัดระวังและดูแลร่างกายตนเอง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีฝนตกบ่อยครั้ง เพื่อจะได้ไม่เป็นไข้หวัด และยืนยันว่าหากมีนักเรียน หรือนิสิต ในสังกัดของ มก.ติดไข้หวัดใหญ่ 2009 จะไม่มีการปิดบังข้อมูลอย่างแน่นอน
**ม.มหิดลติดจ่อติดเพิ่ม 3 ราย
ต่อมา นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับรายงานจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลว่า มีนักศึกษาที่ติดเชื้อไข้หวัด 2009 1 ราย โดยเป็นนักศึกษาหญิงที่เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนอีก 3 รายซึ่งเป็นเพื่อนใกล้ชิดมีแนวโน้มว่าจะติดเช่นกัน โดยคงต้องรอผลยืนยันอีกครั้ง
ด้าน นพ. พิทยา จารุพูนผล คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล เปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางคณะได้สั่งปิดการเรียนการสอนของนักศึกษาปี 3-4 ซึ่งมีนักศึกษาประมาณ 200 คน เนื่องจากตรวจพบนักศึกษาหญิง ชั้นปี 3 ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการฝึกงานภาคฤดูร้อนได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 1 ราย ขณะเดียวกันก็พบว่าในกลุ่มเพื่อนของนักศึกษารายดังกล่าว ซึ่งติดต่อสัมผัสกัน มีอาการไข้ จำนวน 4 คน และเมื่อมีการตรวจหาเชื้อก็พบว่า 3 ใน 4 ราย มีผลเป็นบวก โดยจะทราบผลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด จึงได้สั่งการให้หยุดการเรียนการสอน 7 วัน พร้อมทั้งให้คำแนะนำนักศึกษาในการดูแลตนเอง โดยแจกแบบบันทึกการเฝ้าระวังตนเองให้แก่นักศึกษา อาทิ จดบันทึกการเดินทางว่าได้ไปที่ใดบ้างในแต่ละวัน เพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อ
นพ.พิทยา กล่าวต่อไปว่า ทางคณะจะมีนักศึกษาที่ทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง อีก ประมาณ 10 ราย โดยจะให้นักศึกษาหยุดพักดูอาการตนเองที่บ้านอย่างน้อย 3 วัน และต้องติดต่อกับทางคณะอย่างใกล้ชิด ส่วนการเรียนในระดับ ปริญญาโทและเอก ยังเปิดสอนตามปกติ เพราะไม่ได้เป็นกลุ่มที่สัมผัสกับนักศึกษาที่ติดเชื้อ นอกจากนี้ในวันที่ 13-14 มิ.ย. จะประสานให้ทาง กทม. เข้ามาทำความสะอาดตึกเรียนต่างๆของทางคณะอีกด้วย
**เก็บเชื้อเด็กอนุบาลตรวจ 50 ราย -บางละมุงแห่ตรวจ
นพ.คำนวณ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างเชื้อเด็กนักเรียนอนุบาลในจ.ปทุมธานี ที่ป่วยเป็นไข้หวัดจำนวนมาก ประมาณ 50 ราย ส่งตรวจกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ ที่น่าเป็นห่วงคือ ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ อ.บางละมุงที่ป่วยเป็นไข้หวัดกว่า 100 ราย เดินทางไปรพ.บางละมุง เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าตัวเองป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลหรือสายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกันกับผู้ปกครองของนักเรียนที่ต่างพาบุตรหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ที่จะรู้ว่าตัวเองป่วยด้วยเชื้อสายพันธุ์ใด เนื่องจากวิธีการรักษาและการป้องกันโรคเหมือนกันทุกสายพันธุ์ ไม่จำเป็นต้องเสียค่าตรวจอย่างน้อยครั้งละ 2,000 บาท
**หมอแนะปิดโรงเรียนไม่ได้ผล
นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิ์วัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากความเห็นส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะมีการปิดโรงเรียนเพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกได้ แต่ควรให้เฉพาะเด็กที่มีอาการป่วยหยุดการเรียนจนกว่าจะหายก็เพียงพอแล้วและ.หาวิธีในการป้องกันการแพร่เชื้อภายในบ้าน เหมือนกับประเทศอเมริกาที่แม้ว่าจะพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีความกังวลกับโรคไข้หวัดใหญ่และสามารถอยู่ร่วมกับโรคได้ปกติ
"กรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำว่า หากพบนักเรียนติดเชื้อ 1 คน จากการเดินทางมาจากต่างประเทศไม่แนะนำให้ปิดโรงเรียนแต่ให้นักเรียนหยุดเรียน แต่หากมีการป่วยโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศเลยก็ปิดเฉพาะที่เป็นปัญหา ทั้งนี้ต้องดำเนินการในช่วงต้นๆของการติดเชื้อ หากดำเนินการปิดในช่วงหลังอาจไม่ได้ผลเช่นกัน”นพ.ศุภมิตร์ กล่าว