xs
xsm
sm
md
lg

ตามไปดู “วัวนมพันธุ์ทนร้อน” ฝีมือ มข.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานพิเศษ

เหตุจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ร้อนและแห้งแล้ง ดังนั้น โคนมที่เลี้ยงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโคนมสายพันธุ์จากต่างประเทศ จึงไม่คุ้นเคยกับสภาพภูมิอากาศของเมืองไทย ส่งผลให้โคนมที่เลี้ยงในอีสานมีปริมาณน้ำนมน้อย

ดังนั้น รศ.ดร.วิโรจน์ ภัทรจินดา ภาควิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่น จึงได้พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โคนมเพื่อให้เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยใช้ระยะเวลาในการพัฒนาสายพันธุ์กว่า 16 ปี และประสบความสำเร็จในการพัฒนาโคนมสายพันธุ์ใหม่ ภายใต้ชื่อ โคนมทนร้อนมหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU101)

ทั้งนี้ ลักษณะเด่นของโคนมพันธุ์นี้คือ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อน-ชื้น และสภาพการเลี้ยงแบบไทยๆ ที่มีคุณภาพอาหารค่อนข้างต่ำได้ นอกจากนี้ยังมีลักษณะให้ผลผลิตน้ำนมสูง โดยให้น้ำนมเฉลี่ย 12 กก./วัน หรือ 4,400 กิโลกรัม/ปี มีระยะการให้น้ำนมนานถึง 300 วัน และหากนำโคนมพันธุ์ดังกล่าวไปเลี้ยงในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเย็น โคจะตอบสนองต่อการกินอาหารและการให้น้ำนมที่สูงขึ้นถึง 15-18 กิโลกรัม/วัน หรือ 5,500-6,500 กิโลกรัม/ปี จึงนับได้ว่า โคมนมทนร้อน KKU101 เป็นโคนมที่มีความสวยงาม ขนาดลำตัวเหมาะสม เลี้ยงง่ายและให้น้ำนมในเกณฑ์ดี

“โคนมสายพันธุ์ปรับปรุงนี้ยังมีความสามารถผสมติดง่ายภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีความเครียดสูง ส่วนลักษณะของการให้น้ำนมนั้น เดิมโคนมจะมีโครงสร้างเต้านมขนาดเล็ก รวมตัวเป็นกระจุกและรีดน้ำนมออกยาก จึงทำให้ได้น้ำนมน้อยแค่ 4-5 กิโลกรัม/วัน และมีระยะให้น้ำนมสั้น แต่ภายหลังปรับปรุงสายพันธุ์ โครงสร้างของเต้านมแข็งแรงขึ้น มีขนาดหัวนมที่ใหญ่และยาวได้มาตรฐานกับชุดรีดนม รีดนมออกง่ายและให้น้ำนมเฉลี่ยสูงขึ้น”

รศ.ดร.วิโรจน์ กล่าวย้อนกลับไปถึงช่วงเริ่มต้นปรับปรุงสายพันธุ์โคนมพันธุ์ทนร้อนว่า ใช้ระบบการผสมข้ามสายพันธุ์ โดยดำเนินการที่สถานีทดลองและฝึกอบรมเกษตรกรรม จ.ร้อยเอ็ด ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเริ่มแรกนั้นได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ DANIDA (Danish International Development Agency) ประเทศเดนมาร์ค ให้ทุนในการจัดซื้อพันธุ์โคนมและอุปกรณ์ประจำฟาร์ม โดยโคนมที่นำเข้ามารุ่นแรกเป็นโคนมผสมสายเลือดพันธุ์โฮนสไตน์ฟรีเชียน 75% กับพันธุ์ซาฮิวาล 25% ซึ่งโคนมพันธุ์โฮนสไตน์ฟรีเชี่ยน เป็นโคนมเขตหนาวแถบประเทศอเมริกาและยุโรป มีคุณสมบัติเลี้ยงง่าย นิสัยเชื่อง ให้ปริมาณน้ำนมมาก ส่วนพันธุ์ซาฮิวาลจะเป็นโคนมพันธุ์เขตร้อน มีแหล่งกำเนิดทางประเทศอินเดีย มีคุณสมบัติหากินเก่ง ทนร้อน ทนโรคแมลง โดยเฉพาะเห็บโค แต่มีข้อด้อย คือ ให้ปริมาณน้ำนมน้อย และตื่นเต้นง่าย

สำหรับ โคมนมทนร้อน KKU101 นี้ เป็นลูกผสมรุ่นที่ 6 ซึ่งถือว่ามีความคงที่ของสายพันธุ์ในระดับถึง 98.2% โดยจะสามารถถ่ายทอดลักษณะความเป็นโคนมทนร้อนที่แน่นอน ทั้งนี้ ลูกที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ มีสีขาวดำ น้ำหนักตัว 450-500 กิโลกรัม มีนิสัยเชื่อง ไม่ตื่นเต้นง่าย เลี้ยงง่าย สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพการเลี้ยงในทุกแบบได้เป็นอย่างดี โดยในฤดูร้อนจะทนร้อนได้ดี และสามารถออกเดินแทะเล็มหญ้า กินกลางแสงแดดได้โดยไม่มีอาการหอบ หรือ น้ำลายไหลปรากฏให้เห็น

นอกจากนี้ โคสายพันธุ์ที่ปรับปรุงนี้ยังมีคุณลักษณะพิเศษ คือ สามารถทนเห็บหรือทนต่อโรคเห็บ ซึ่งโรคนี้ นับเป็นโรคที่สำคัญอันดับหนึ่งของโคนมที่ให้ผลผลิตสูงที่มักตายได้ง่ายจากการระบาดของโรคเห็บที่ระบาดผ่านทางตัวเห็บที่มาเกาะกินเลือดจากตัวโค

รศ.ดร.วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ในการพัฒนาสายพันธุ์ในขั้นต่อไปนั้นจะนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการปรับปรุงและขยายสายพันธุ์โคนมนี้ให้มีความรวดเร็วขึ้น เพราะมีพ่อแม่พันธุ์ที่เป็นต้นแบบที่ดีแล้ว เช่น การคัดเลือกด้วยเครื่องหมายพันธุกรรม (Marker Assisted Selection : MAS) เป็นต้น ส่วนการขยายพันธุ์เพื่อเผยแพร่สู่เกษตรกรนั้น ในระยะสั้นจะใช้วิธีเทคโนโลยีการย้ายฝากตัวอ่อน ซึ่งมีความชำนาญอยู่แล้ว จะสามารถเพิ่มจำนวนลูกโคพันธุ์ดีได้มากและรวดเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น