องค์การค้ายังมืดมัว “ชินภัทร” รับมีปัญหารั่วไหลปีละ 30 ล้าน ยังหาต้นตอไม่เจอ คาด เกิดจากระบบไอทีใช้คนละนามสกุล สั่งปรับระบบอุดช่องรั่ว 2 สัปดาห์เสร็จ โต้ “สมเกียรติ” องค์การค้าเขียนแผนฟื้นฟูไว้ชัดเจน
นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปีนี้องค์การค้ามียอดขายหนังสือเรียนสูงถึง 2,200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 1,000 ล้านบาท รายได้ดังกล่าวนับว่าเป็นสัญญาณบวก ทำให้องค์การค้ามีสภาพคล่องมากขึ้น แต่องค์การค้ายังมีหนี้สินกับทางสถาบันการเงินต่างๆ ประมาณ 1,500 ล้านบาท และสถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยสูง จึงมีแผนที่รวบหนี้จากสถาบันการเงินหลายแห่งให้เป็นก้อนเดียว จากนั้นจะต่อรองอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง ซึ่งได้มีแผนชำระหนี้ให้หมดไปภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีแผนฟื้นฟูองค์การค้า โดยมีทั้งแผนเร่งด่วน แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว ในส่วนของแผนเร่งด่วนนั้น โดยจะปรับองค์การค้าให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการบริหารจัดการ ปรับปรุงระบบไอทีให้เป็นเป็นระบบเดียวกัน เพราะทุกวันนี้ฝ่ายผลิต ฝ่ายพัสดุ คลังสินค้า การค้าปลีกหน้าร้านขององค์การค้า ใช้ไอทีคนละนามสกุล ส่งผลให้เช็กข้อมูลสินค้าไม่ได้ จึงเกิดปัญหารั่วไหลเกิดขึ้น
“ไปตรวจดูบัญชีขององค์การค้า พบว่า บัญชีตัวแดงต่อเนื่องหลายปี อย่างปี 50 ปี 51 พบว่า สูญหาย รั่วไหลปีละ 30 ล้านบาท และไม่สามารถเช็กได้ว่าเกิดปัญหาตรงจุดไหน ซึ่งมองว่ามาจากระบบไอทีที่ใช้กันคนละนามสกุล จึงให้ปรับระบบให้เป็นสกุลเดียวกันจะเช็กได้รวดเร็ว และลดปัญหาการทุจริต ทั้งนี้ จะปรับระบบไอทีให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบและติดตามนโยบายการศึกษาของรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อประชาชน ออกมาบอกว่าองค์การค้าไม่มีแผนฟื้นฟูที่ชัดเจน ปลัด ศธ.กล่าวว่า ไม่รู้ว่าท่านมีแผนฟื้นฟูที่ผ่านความเห็นคณะกรรมการ สกสค.เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 หรือไม่ เพราะองค์การค้าเขียนแผนไว้ชัดเจน
นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปีนี้องค์การค้ามียอดขายหนังสือเรียนสูงถึง 2,200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 1,000 ล้านบาท รายได้ดังกล่าวนับว่าเป็นสัญญาณบวก ทำให้องค์การค้ามีสภาพคล่องมากขึ้น แต่องค์การค้ายังมีหนี้สินกับทางสถาบันการเงินต่างๆ ประมาณ 1,500 ล้านบาท และสถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยสูง จึงมีแผนที่รวบหนี้จากสถาบันการเงินหลายแห่งให้เป็นก้อนเดียว จากนั้นจะต่อรองอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง ซึ่งได้มีแผนชำระหนี้ให้หมดไปภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีแผนฟื้นฟูองค์การค้า โดยมีทั้งแผนเร่งด่วน แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว ในส่วนของแผนเร่งด่วนนั้น โดยจะปรับองค์การค้าให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการบริหารจัดการ ปรับปรุงระบบไอทีให้เป็นเป็นระบบเดียวกัน เพราะทุกวันนี้ฝ่ายผลิต ฝ่ายพัสดุ คลังสินค้า การค้าปลีกหน้าร้านขององค์การค้า ใช้ไอทีคนละนามสกุล ส่งผลให้เช็กข้อมูลสินค้าไม่ได้ จึงเกิดปัญหารั่วไหลเกิดขึ้น
“ไปตรวจดูบัญชีขององค์การค้า พบว่า บัญชีตัวแดงต่อเนื่องหลายปี อย่างปี 50 ปี 51 พบว่า สูญหาย รั่วไหลปีละ 30 ล้านบาท และไม่สามารถเช็กได้ว่าเกิดปัญหาตรงจุดไหน ซึ่งมองว่ามาจากระบบไอทีที่ใช้กันคนละนามสกุล จึงให้ปรับระบบให้เป็นสกุลเดียวกันจะเช็กได้รวดเร็ว และลดปัญหาการทุจริต ทั้งนี้ จะปรับระบบไอทีให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบและติดตามนโยบายการศึกษาของรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อประชาชน ออกมาบอกว่าองค์การค้าไม่มีแผนฟื้นฟูที่ชัดเจน ปลัด ศธ.กล่าวว่า ไม่รู้ว่าท่านมีแผนฟื้นฟูที่ผ่านความเห็นคณะกรรมการ สกสค.เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 หรือไม่ เพราะองค์การค้าเขียนแผนไว้ชัดเจน