“ชินภัทร” โว! ผลงานในตำแหน่งรักษาการ ผอ.องค์การค้า 6 เดือน ช่วยทำให้องค์การค้ามีสภาพคล่องมากขึ้นไปจนถึงปลายปี และทำให้มีเครดิตดีขึ้น เร่งเดินหน้าฟื้นฟูองค์การค้า 3 ระยะ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินของรัฐ โยนบอร์ด สกสค.พิจารณาตัดสินให้รักษาการต่ออีกหรือไม่
นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แถลงผลการดำเนินงานครบ 6 เดือนในตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้า และความก้าวหน้าแผนฟื้นฟูองค์การค้าของ สกสค.ว่า จากที่คณะกรรมการ สกสค.มีมติแต่งตั้งให้ตนรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะนี้การดำเนินงานครบ 6 เดือนแล้ว จึงขอสรุปผลงาน ดังนี้ การเข้ามารักษาการครั้งนี้ เพื่อทำให้ภารกิจขององค์การค้าฯ โดยเฉพาะเรื่องการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพของรัฐบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยพบว่าสามารถจัดพิมพ์หนังสือเรียนเสร็จเรียบร้อยตามยอดสั่งซื้อ แต่เนื่องจากเป็นปีแรกของนโยบายที่ต้องแจกนักเรียนทุกคนในทุกกลุ่มสาระฯ จึงมียอดทยอยสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ แต่องค์การค้าพยายามจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จ ทำให้ยอดจำหน่ายหนังสือปี 2552 สูงกว่าปี 2551 จำนวนเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางบวกว่าองค์การค้ามีสภาพคล่องมากขึ้น
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าอาจยังมีปัญหาในเรื่องการกระจายหนังสือแบบเรียนถึงโรงเรียนช้ากว่ากำหนด รวมถึงส่งไปไม่ถึงโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล อาจจะเป็นเพราะองค์การค้ามีตัวแทนจำหน่ายจำนวนไม่มาก ดังนั้นจะปรับปรุงการบริหารจัดการต่อไปโดยอาจเพิ่มเครือข่ายร้านศึกษาภัณฑ์มากขึ้น นอกจากนี้ ตนได้พยายามสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพราะองค์การค้าต้องประสบมรสุมหลายด้าน รวมทั้งต้องสร้างความเชื่อมั่นให้สาธารณชน บริษัทคู่ และสถาบันการเงิน ให้สนับสนุนและใช้บริการองค์การค้าเช่นเดิม
“ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งรักษาการองค์การค้าฯ นั้น มีปัญหาต่างๆ มากมาย สภาพคล่องถือว่าอยู่ในขั้นติดลบ แต่เมื่อพยายามแก้ไขตลอดช่วง 6 เดือน ถือว่าองค์การค้าฯ มีอากาศหายใจมากขึ้น การทำงานเกิดสภาพคล่องชั่วคราวไปจนถึงปลายปี ที่สำคัญสามารถดึงให้เครดิตกลับคืนมาได้ในระดับที่น่าพอใจ”
นายชินภัทรกล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ ซึ่งถือเป็นอีกภารกิจอีกประการหนึ่งนั้น จะต้องดำเนินการให้ลุล่วงใน 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว โดยแผนฟื้นฟูดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สกสค.เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้รอเพียงแหล่งเงินที่จะอนุมัติวงเงินมาสนับสนุนตามแผนดำเนินการ โดยกำลังเจรจากับ 2 สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ จะทำให้สถานะขององค์การค้าดีขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ ในวันที่ 7 สิงหาคม จะเสนอรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.เพื่อรับทราบและพิจารณาว่าจะให้ตนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ต่อไปหรือไม่
