xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” แฉองค์การค้าไม่มีแผนฟื้นฟูกิจการ-ติดคดียักยอกทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมเกียรติ” เผยคณะกรรมาธิการตรวจสอบและติดตามนโยบายการศึกษาของรัฐตรวจสอบพบองค์การค้าไม่มีแผนฟื้นฟูกิจการที่ชัดเจน แถมยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์เจ้าหน้าที่องค์การค้า เพราะนำเงินสหกรณ์ไปใช้หมุนเวียนในองค์การค้าแล้วไม่ยอมส่งคืน 33 ล้านบาท หนำซ้ำยังกู้เงิน ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.มาใช้อีก 220 ล้านบาท “สมเกียรติ” ทำหนังสือถึง พม.ให้ตรวจสอบ หวั่นกระทบสมาชิกที่เป็นครู 1.8 แสนคน เพราะองค์การค้ามีเงินพอจ่ายพนักงานอีกเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบและติดตามนโยบายการศึกษาของรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อประชาชน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะอนุกรรมาธิการ ที่มี นายขจิตร ชัยนิคม เป็นประธาน ได้มาศึกษาและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การค้า ซึ่งมีปัญหาส่อไปในทางทุจริต โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลดำเนินนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ซึ่งน่าจะทำให้สถานการณ์การขาดทุนขององค์การค้าดีขึ้น แต่กลับปรากฎว่า แม้องค์การค้าจะมีรายได้จากการขายหนังสือได้ถึง 2,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาขาดทุนขององค์การค้าได้ ทำให้คณะกรรมาธิการ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น รวมทั้งเมื่อขอตรวจสอบแผนฟื้นฟูองค์การค้า ปรากฏว่า ยังไม่มีแผน หรือยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าจะมีแนวทางทำให้องค์การค้าดำรงอยู่ และมีกำไรได้อย่างไร โดยสรุปคือ ขณะนี้องค์การค้า เป็นองค์กรที่ไร้อนาคต และเป็นหลุมดำของกระทรวงศึกษาธิการที่จะดึงองค์กรอื่นๆ ประสบปัญหาตามไปด้วย


“คณะอนุกรรมาธิการ ได้ติดต่อไปยังปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค.ในฐานะกำกับดูแลองค์การค้า เพื่อให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับมีเพียงนายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค.เป็นผู้แทนมาให้ข้อมูลเท่านั้น ซึ่งได้แจ้งว่า ขณะนี้องค์การค้าจะมีเงินเหลือพอนำมาใช้หมุนเวียนใช้ได้อีกเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าหลังจากนั้นอาจต้องเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาได้” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า จากปัญหาขององค์การค้า มีแนวโน้มว่าหากองค์การค้าเข้าสู่ภาวะล้มละลาย จะทำให้องค์กรอื่นๆ ล้มตามไปด้วย เนื่องจากกรณีที่ นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค.ที่มีอำนาจกำกับดูแลองค์การค้า และพวกรวม 3 คน ไปกู้ยืมเงินสหกรณ์ออมทรัพย์เจ้าหน้าที่องค์การค้าของคุรุสภา จำนวน 33 ล้านบาท ซึ่งแม้ทางสหกรณ์จะติดตามทำหนังสือทวงถามไปหลายครั้ง ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ จนนำไปสู่การแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งอยู่ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว นอกจากนั้น ยังมีปัญหากรณีที่องค์การค้า ไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) จำนวนถึง 220 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อองค์การค้าประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกกองทุน ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.ที่มีอยู่กว่า 1.8 แสนคน ให้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า คณะอนุกรรมาธิการ จะได้สรุปข้อมูลนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ เพื่อตัดสินใจหาแนวทางแก้ปัญหาองค์การค้า เพราะหากปล่อยไปก็จะยิ่งทำให้องค์กรอื่นได้รับความเสียหายไปด้วย นอกจากนั้น ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะที่กำกับดูแลกองทุน ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.เพื่อให้สอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีนำเงินกองทุนมาปล่อยกู้ให้กับองค์การค้าทั้งที่ไม่มีอำนาจ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าองค์การค้าควรจะต้องลดขนาดองค์กรลง และทำงานบางเรื่องที่รัฐบาลมอบหมายเท่านั้น เพื่อให้มีค่าตอบแทนเพียงพอที่จะนำมาฟื้นฟูตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ที่สำคัญ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะต้องกล้าตัดสินใจเข้าไปตรวจสอบการทุจริตในองค์การค้าอย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.ในสภาผู้แทนฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบกรณีการทุจริตในองค์การค้า ที่มีการร้องเรียนทุจริตเข้าไปแล้วถึง 18 เรื่อง โดยเฉพาะที่ตลกมากคือ กรณีความไม่ชอบมาพากลที่องค์การค้ากลับไปเปิดขายปุ๋ย เป็นต้น”นายสมเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น