“ชัยวุฒิ” เผย ครม.เห็นชอบ กยศ.เพิ่มปล่อยกู้สาขาขาดแคลน ปรับแก้ผู้เซ็นอนุมัติ เดิมผู้จัดการกองทุน เพิ่มให้สถานศึกษาหรือผู้แทน อนุมัติ ค้านนำเงินไปออกดอกผลให้ดูแลเด็กตกค้างก่อน ด้าน นายกฯจี้ กยศ.ปล่อยกู้นักศึกษาอิสลาม ครม.ผ่าน พ.ร.บ.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ให้ตั้งเป็นหน่วยงานอิสระอยู่ภายใต้กระทรวง และตั้งงบกว่า 2 พันล้าน ผลิตครูวิทย์-คณิต
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนหน้านี้ ครม.เคยมีมติให้แก้ไขกฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้ครอบคลุม กรอ.ที่ปีหน้าจะไม่มี กรอ.และวันนี้ (3 มิ.ย.) ทาง กยศ.ได้เสนอแก้ไขกฎหมายโดยให้นักศึกษาที่เรียนสาขาขาดแคลน ที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ สามารถกู้กองทุน กยศ.ได้เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ปรับปรุงอำนาจหน้าที่กองทุน กยศ.ให้สามารถนำเงินไปจัดหาผลประโยชน์ โดยนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ นำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปสร้างรายได้ และเสนอให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นรองประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสภาการศึกษา อธิบดีกรมสรรพากร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกเชนแห่งชาติ นายกสมาคมสมาพันธ์การศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนแย้งว่า ในส่วนที่ปล่อยกู้สาขาขาดแคลน หากเด็กรายนั้นไม่ได้มาจากครอบครัวยากจนให้กู้เฉพาะค่าเทอมเท่านั้น และในส่วนคณะกรรมการขอให้เพิ่ม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง ครม.เห็นชอบ ส่วนการนำเงินไปหาผลประโยชน์นั้น ครม.เสนอให้นำเงินไปปล่อยกู้เด็กที่ตกค้างก่อน ก่อนนำไปแสวงหาผลประโยชน์
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการจะมอบอำนาจให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบหรือเป็นผู้แทนโรงเรียน สถานศึกษา หรือสถาบันการศึกษา เป็นผู้อนุมัติการให้กู้ยืมเงินและลงนามในสัญญากู้ยืมเงินแทนคณะกรรมการก็ได้
นายชัยวุฒิ อธิบายว่า ที่ผ่านมาการอนุมัติให้นักศึกษากู้กองทุนล่าช้า เพราะต้องรอ ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้เช็นคำสั่งอนุมมัติ หากมีการมอบอำนาจให้ผู้แทนโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา จะทำให้การอนุมัติเงินรวดเร็วขึ้น
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นายกฯทวงถามการปล่อยกู้ให้นักเรียน นักศึกษาอิสลามว่า ทาง กยศ.แจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ นายกฯให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ปล่อยกู้ทันเปิดเทอมนี้ เด็กทุกคนจะได้มีสิทธิเท่าเทียมกัน
รมช.ศธ.กล่าวว่า ครม.อนุมัติในหลักการ พ.ร.บ.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เคยเสนอ ครม.ตั้งแต่สมัยที่ นายวิจิตร ศรีสอ้าน กับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อใช้ในการผลิต การวิจัย ทั้งจะต้องจัดสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มาดูแลในรูปแบบองค์การมหาชน แต่ติดมติ ครม.27 ก.พ.2552 ไม่ให้จัดตั้งองค์การมหาชนเพิ่มเติม ดังนั้น ครม.มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งเป็นหน่วยงานอิสระภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ และส่งเรื่องให้กฤษฎีกาแก้ไขกฎหมายต่อไป
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี 2553-2560 เป็นเวลา 8 ปี จำนวน 4,640 อัตรา หรือเฉลี่ยปีละ 580 อัตรา โดยใช้วงเงินงบประมาณ 2,211 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าโครงการดังกล่าวเมื่อเรียบจบแล้วจะได้รับการบรรจุทันที
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นายกฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไปดูงบประมาณปี 2553 เพื่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุมมากขึ้น