รับฟังความเห็นร่างกฎหมายปฏิเสธยืดการตาย แพทย์ พยาบาล ห่วงแนวทางปฏิบัติส่อเกิดปัญหาเหตุขัดหลักการรักษาทั่วไปของแพทย์ จี้ ราชวิทยาลัยแพทย์ ประกาศหลักเกณฑ์วาระสุดท้ายของชีวิตคลอบคลุมทุกโรค เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้แพทย์ ป้องกันถูกฟ้องร้อง เตรียมฟังความเห็นครั้งสุดท้าย 12 มิ.ย.นี้ก่อนนำเข้าที่ประชุมใหญ่ คสช. 26 มิ.ย.นี้
วันที่ 29 พ.ค.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่างกฎกระกรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ... ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 วรรค 2 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นเวทีรับฟังความเห็นของภาคกลาง โดยมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข นักกฎหมาย และเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง เข้าร่วมรับฟังความเห็นประมาณ 50 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ ที่แพทย์จะต้องยุติการรักษา ซึ่งขัดกับหลักปฏิบัติโดยทั่วไปที่แพทย์ พยาบาลจะต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ถึงที่สุด เช่น ใครจะเป็นผู้ถอดเครื่องช่วยหายใจ อาการเจ็บป่วยลักษณะใดที่เรียกว่าช่วงสุดท้ายของชีวิต หากญาติมีความเห็นต่างจากหนังสือแสดงเจตนาฯ แพทย์จะทำอย่างไร เป็นต้น
ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความเห็นครั้งนี้ เน้นชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ให้กับญาติ และผู้ป่วยที่ป่วยรับทราบวิธีการเขียนหนังสือแสดงเจตนาฯ ที่ถูกต้องและไม่เกิดปัญหาในภายหลัง และการชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยในวาระสุดท้ายเพื่อการจากไปอย่างสงบ ซึ่งทั้งญาติผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับปฏิเสธการรับรักษาเพื่อยืดชีวิตอยู่มาก โดยเฉพาะลักษณะการเจ็บป่วยอย่างไร ที่เรียกว่าเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต เช่น การเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ เป็นต้น
“การวินิจฉัยอาการเจ็บป่วย และบาดเจ็บของแพทย์แต่ละคนย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องวิชาการทางการแพทย์โดยเฉพาะ ดังนั้น ราชวิทยาลัยแพทย์ต่างๆ ควรจะมีเข้ามามีบทบาทในการพิจารณาถึงเกณฑ์ของวาระสุดท้ายในชีวิตให้ครอบคลุมทุกโรค เพราะแต่ละโรคมีข้อมูลวิชาการแตกต่างกัน และประกาศออกมาเป็นหลักเกณฑ์เพื่อให้แพทย์นำมาใช้ประกอบการพิจารณายุติการรักษาที่เป็นการยืดอายุของผู้ป่วยที่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ และเพื่อป้องกันการฟ้องร้องแพทย์ในภายหลังหากเกิดปัญหาญาติไม่เข้าใจ” ศ.นพ.วิฑูรย์ กล่าว
ศ.นพ.วิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ยังอนุญาตให้แพทย์ พยาบาลสามารถให้คำแนะนำให้กับผู้ป่วยทำหนังสือแสดงเจตนาฯ ได้ โดยทางสถานพยาบาลอำนวยความสะดวกด้วยการจัดทำแบบฟอร์มหนังสือแสดงเจตนาฯ ได้ ซึ่งประเด็นนี้บุคลกรทางการแพทย์จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วย ญาติเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ ที่มีปัญหาภาพลักษณ์เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีการปฏิเสธการรักษาผู้ป่วย ขณะที่โรงพยาบาลเอกชน สามารถให้คำแนะนำเรื่องนี้กับผู้ป่วยได้สะดวกกว่า และผู้ป่วย ญาติอาจจะมีความรู้สึกดีกับโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่มี่ราคาสูงได้ เพราะที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนมักจะถูกเข้าใจว่ายื้อชีวิตผู้ป่วย เพื่อให้แบกรักภาระค่ารักษาราคาแพง
ทั้งนี้ คสช.มีกำหนดต้องจัดเวทีรับฟังความเห็น 4 ภาค เป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่จ.เชียงใหม่ จากนั้นจะมีการแก้ไขร่างกฎกระทรวง เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำเข้าที่ประชุมใหญ่ คสช.ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะนำร่างกฎกระทรวงฯ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ หากครม. เห็นชอบในหลักการก็จะส่งร่างกฎกระทรวง ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย จากนั้นจึงประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา