xs
xsm
sm
md
lg

สภากาชาดเผยเลือดร้อยละ 40 คุณภาพต่ำ ข้นไม่พอ-พลาสมาขุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภากาชาดเผยผลโครงการดูแลผู้บริจาคโลหิต พบสาเหตุที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ ร้อยละ 40 ความเข้มข้นของโลหิต ไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน จากภาวะโลหิตจาง ร้อยละ 10 ไม่รู้ว่าต้องงดยา ปฏิชีวนะ ยารักษาสิว แอสไพริน ก่อนบริจาค รวมถึงไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูงก่อนมาบริจาคโลหิตทำให้ พลาสมาขาวขุ่น นำเลือดไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ แนะดื่มน้ำ 3-4 แก้วก่อนบริจาคป้องกันเป็นลม

นาวาโทหญิง พญ.อุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวว่า จากการที่สภากาชาดจัดให้มีโครงการดูแลผู้บริจาคโลหิต 4 โครงการ คือ 1.โครงการการดูแลผู้บริจาคโลกหิตด้วยการดำเนินโครงการคัดกรองผู้บริจาคโลหิตที่ใช้ยา ระหว่างปี 2547 -2550 พบว่า สาเหตุสำคัญที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตมาจากการใช้ยาร้อยละ 10 เนื่องจากไม่ทราบว่าต้องมีการงดยาบางประเภทก่อนที่จะมาบริจาคโลหิตหรือหายจากโรคหรือสาเหตุที่ต้องใช้ยาอย่างน้อย 3-7 วัน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาสิว และยาแอสไพริน เป็นเต้น

นาวาโทหญิง พญ.อุบลวัณณ์ กล่าวต่อว่า 2.โครงการการป้องกันและลดการเป็นลมระหว่างหรือหลังบริจาคโลหิต โดยได้ให้ผู้บริจาคโลหิตดื่มน้ำก่อนการบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว หรือเท่ากับปริมาณโลหิตที่บริจาค 450 ซี.ซี. เพราะจะช่วย จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น เลือดไหลเวียนดี ป้องกันภาวะการขาดน้ำซึ่งเป็นสาเหตุของการเป็นลม ซึ่งภายหลังการดำเนินการเช่นนี้ พบว่า อัตราการเป็นลมหลังบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตฯ ระหว่าง ส.ค.2550-มิ.ย.2551 ลดลงจาก ร้อยละ 0.25 เหลือ ร้อยละ 0.16 และที่หน่วยรับบริจาคเคลื่อนที่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงระหว่างเดือนก.ค.2550 – มิ.ย. 2551 ลดลงจาก ร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 0.16

“3.โครงการลดการสูญเสียพลาสมาขาวขุ่น พบว่าโลหิตที่ได้รับบริจาค เมื่อนำไปปั่นแยกส่วนประกอบของโลหิต มักจะพบว่าพลาสมาหรือ น้ำเหลือง มีสีที่ผิดปกติเช่น สีขาวขุ่น สีเขียว และสีดำ ไม่สามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยได้ ซึ่งพลาสมาขาวขุ่น พบในปริมาณมากที่สุด จึงทำการศึกษาจากผู้บริจาคโลหิตที่มีพลาสมามีสีขาวขุ่น พบว่าร้อยละ 98 ไม่ทราบว่าต้องงดอาหารที่มีไขมันสูงก่อนมาบริจาคโลหิต ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารและไขมันเข้าสู่กระแสเลือด จึงมีไขมันอยู่ในโลหิตปริมาณมาก ผู้บริจาคโลหิตควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 6 ชั่วโมง สามารถลดปริมาณการเกิดพลาสมาขุ่นขาวได้”นาวาโทหญิง พญ.อุบลวัณณ์ กล่าว

นาวาโทหญิง พญ.อุบลวัณณ์ กล่าวด้วยว่า 4.โครงการ การป้องกันภาวะโลหิตจาง พบว่า สาเหตุที่ผู้ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ อันดับ 1 หรือ ร้อยละ 40 ของผู้บริจาคโลหิต คือ ความเข้มข้นของโลหิต ไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากเกิดภาวะโลหิตจาง จากการสูญเสียธาตุเหล็ก ดังนั้น ผู้บริจาคโลหิตต้องให้ความสำคัญกับการรับประทานธาตุเหล็ก ในรูปของเม็ดยา ภายหลังจากการบริจาคโลหิตทุกครั้ง เพื่อรักษาภาวะความสมดุลของร่างกายให้สามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน เพื่อให้โลหิตมีความเข้มข้นพอที่จะสามารถบริจาคโลหิตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสอบถามและขอรับเอกสารความรู้ได้ที่โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600 ต่อ 1760 หรือ www.blooddonationthai.com
กำลังโหลดความคิดเห็น