รอยเตอร์ – แกล็กโซสมิธไคลน์ ผู้ผลิตยาใหญ่เป็นอันดับสองของโลกสัญชาติอังกฤษ ตกลงที่จะซื้อหุ้นของสไตเฟล แลบอราทอรีส ์ อิงค์ ซึ่งเชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ถนอมผิว ในราคาเท่ากับ 3,600 ล้านดอลลาร์
การควบรวมคราวนี้เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในอุตสาหกรรมยา แม้ว่าสัญญาจะมีมูลค่าน้อยกว่าการควบรวมของบริษัทยาอื่น ๆที่ผ่านมา แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแกลฌกโซสมิธไคลน์กำลังจะกระจายประเภทธุรกิจออกไป ให้กว้างขึ้น
สไตเฟลเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหนังอิสระที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ยาที่ต้องให้แพทย์สั่ง ไปจนถึงยาที่ซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
แหล่งข่าวระบุว่าบริษัทนี้ถูกประกาศขายเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และก็สามารถทำให้บริษัทยายักษ์ใหญ่จำนวนมากสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โนวาร์ทิส, ซาโนฟี-อะเวนทิส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ตามข้อตกลงที่ทำกัน แกล็กโซจะจ่ายเงินสด 2,900 ล้านดอลลาร์ให้แก่สไตเฟล และก็จะรับเอาหนี้มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้ามาด้วย และหากว่าผลประกอบการในอนาคตออกมาสวยงาม แกล็กโซก็อาจจะจ่ายเงินอีก 300 ล้านดอลลาร์ให้สไตเฟลด้วย
มูลค่าที่ทำสัญญากันนี้มากกว่ายอดขายปี 2008 ของสไตเฟลที่อยู่ที่ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 4 เท่า แต่ก็น่าจะคุ้มสำหรับแกล็กโซ เพราะว่าจะสามารถประหยัดเงินได้มากโขจากการควบรวมธุรกิจ ถึงแม้การควบรวมครั้งนี้แค่รวมเอาองค์กรของสไตเฟลเข้ามาในโครงสร้างของบริษัทโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรเดิมแต่อย่างใด
แกล็กโซคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนก่อนหักภาษีได้ถึง 240 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2012 โดยมีต้นทุนการบูรณาการธุรกิจอยู่ราว 324 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาสามปี
การควบรวมครั้งนี้จะทำให้แผนกผลิตภัณฑ์ผิวหนังของแกล็กโซใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก โดยจะได้ส่วนแบ่งราว 8% ในตลาดสำหรับโรคผิวหนังทั่วทั้งโลก
บริษัทสไตเฟลนั้นก่อตั้งมานานถึง 160 ปีแล้ว และเป็นผู้ผลิตยารักษาอาการคันระคายเคือง, ยารักษาสิว และผลิตภัณฑ์รักษาโรคผิวหนังอื่น ๆมากมาย บริษัทก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่โดยครอบครัวสไตเฟล ซีอีโอคนปัจจุบัน ชาร์ลส สไตเฟลจะยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปภายใต้ร่มของแกล็กโซ หลังจากที่ทั้งสองบริษัทดำเนินการซื้อขายกันเสร็จสิ้นในราวไตรมาสสามของปีนี้
การควบรวมคราวนี้เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในอุตสาหกรรมยา แม้ว่าสัญญาจะมีมูลค่าน้อยกว่าการควบรวมของบริษัทยาอื่น ๆที่ผ่านมา แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแกลฌกโซสมิธไคลน์กำลังจะกระจายประเภทธุรกิจออกไป ให้กว้างขึ้น
สไตเฟลเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหนังอิสระที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ยาที่ต้องให้แพทย์สั่ง ไปจนถึงยาที่ซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
แหล่งข่าวระบุว่าบริษัทนี้ถูกประกาศขายเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และก็สามารถทำให้บริษัทยายักษ์ใหญ่จำนวนมากสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โนวาร์ทิส, ซาโนฟี-อะเวนทิส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ตามข้อตกลงที่ทำกัน แกล็กโซจะจ่ายเงินสด 2,900 ล้านดอลลาร์ให้แก่สไตเฟล และก็จะรับเอาหนี้มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้ามาด้วย และหากว่าผลประกอบการในอนาคตออกมาสวยงาม แกล็กโซก็อาจจะจ่ายเงินอีก 300 ล้านดอลลาร์ให้สไตเฟลด้วย
มูลค่าที่ทำสัญญากันนี้มากกว่ายอดขายปี 2008 ของสไตเฟลที่อยู่ที่ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 4 เท่า แต่ก็น่าจะคุ้มสำหรับแกล็กโซ เพราะว่าจะสามารถประหยัดเงินได้มากโขจากการควบรวมธุรกิจ ถึงแม้การควบรวมครั้งนี้แค่รวมเอาองค์กรของสไตเฟลเข้ามาในโครงสร้างของบริษัทโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรเดิมแต่อย่างใด
แกล็กโซคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนก่อนหักภาษีได้ถึง 240 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2012 โดยมีต้นทุนการบูรณาการธุรกิจอยู่ราว 324 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาสามปี
การควบรวมครั้งนี้จะทำให้แผนกผลิตภัณฑ์ผิวหนังของแกล็กโซใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก โดยจะได้ส่วนแบ่งราว 8% ในตลาดสำหรับโรคผิวหนังทั่วทั้งโลก
บริษัทสไตเฟลนั้นก่อตั้งมานานถึง 160 ปีแล้ว และเป็นผู้ผลิตยารักษาอาการคันระคายเคือง, ยารักษาสิว และผลิตภัณฑ์รักษาโรคผิวหนังอื่น ๆมากมาย บริษัทก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่โดยครอบครัวสไตเฟล ซีอีโอคนปัจจุบัน ชาร์ลส สไตเฟลจะยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปภายใต้ร่มของแกล็กโซ หลังจากที่ทั้งสองบริษัทดำเนินการซื้อขายกันเสร็จสิ้นในราวไตรมาสสามของปีนี้