xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ยันต้องประเมินสถานการณ์ก่อนใช้ พรบ.ความมั่นคงดูแลประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯ ยันต้องประเมินสถานการณ์พิจารณาความจำเป็น รอบคอบ ก่อนนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติบังคับใช้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่ภูเก็ต ไม่ห่วงเสื้อแดงชุมนุมวันที่ 10 พ.ค.นี้

วันที่ 8 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวเปิดงานประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3 ถึง พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติที่จะนำมาบังคับใช้ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่ จ.ภูเก็ต ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาข้อกฎหมายและประเมินสถานการณ์ความจำเป็นที่ชัดเจนก่อน ซึ่งจะมีการประกาศใช้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในช่วงที่เห็นว่าเหมาะสมและเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ก่อนการประกาศใช้จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการใช้กฎหมายว่าเหตุผลที่ใช้คืออะไร ใช้แล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ หากศึกษาข้อกฎหมายเรียบร้อยก็คงจะสามารถสรุปเรื่องได้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า

“สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการมี 2 ประเด็น คือ 1.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ใช้กำลังจากหน่วยงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น 2.มีอำนาจที่เกิดขึ้น เช่น การควบคุมการเดินทางในบางเส้นทางที่มีความจำเป็น ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีอำนาจเกี่ยวกับเรื่องการเข้าออกเคหะสถาน เรื่องการกำหนดเงื่อนไขการเดินทาง แต่จะมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง ส่วนรายละเอียดต่างๆ ไม่ได้กำหนดกรอบที่ชัดเจนว่า หากใช้กฎหมายนี้จะสามารถกั้นระยะผู้ชุมนุมได้เกิน 5 กิโลเมตรได้อย่างที่ชาติอาเซียนต้องการหรือไม่ เพราะต้องการกำหนดภาพกว้างเพื่อใช้บุคลากรได้จากหลายหน่วยงาน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ส่วนการตอบรับเข้าร่วมสุดยอดผู้นำประชุมอาเซียนกับคู่เจรจาที่ภูเก็ตนั้น ส่วนใหญ่ก็ตอบรับไปแนวทางบวกอยู่แล้ว เป็นการรอยืนยัน

ต่อข้อถามว่า การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างว่านายกฯสร้างสถานการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีคนจำนวนมากอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น และทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนก็เห็นว่าตนอยู่ในรถ จึงแปลกใจว่าทำไมมีการหยิบยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นมากกล่าวหาว่าตนสร้างสถานการณ์ ตนคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสร้างความสับสนในเรื่องนี้ เวลานี้อยากให้นักการเมืองทุกคนคิดถึงเรื่องการเดินไปข้างหน้าว่าจะสร้างความปรองดองได้อย่างไร และคิดว่าเรื่องของเหตุการณ์ดังกล่าวมีคณะกรรมการฯ จากหลายฝ่ายตรวจสอบอยู่แล้ว ควรใช้เวทีนี้หาทางออกน่าจะดีที่สุด

“หากจะมีการขยายประเด็นดังกล่าว โดยนำไปพูดต่อในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 10 พ.ค.นี้ ก็ถือเป็นสิทธิแต่ละคนที่จะไปพูด คงจะไปห้ามไม่ได้ แต่ก็น่าตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ โดยหยิบยกประเด็นที่ทุกคนเห็นชัดเจนว่าอะไรมันเกิดขึ้น ดังนั้น จะถือว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ได้อย่างไร เพราะการปราศรัยบนเวทีของกลุ่มคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลก่อนหน้านั้น 2-3 วัน ก็มีการพูดถึงการไล่ล่าตน ซึ่งคงไม่สามารถทำให้แกนนำพูดอย่างนั้นได้ และมีการวางแผนไปที่พัทยา ผมคงไม่มีส่วนในการทำอย่างนั้นได้เลย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ที่ออกมาพูดเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากใครดำเนินการผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีไป แต่ยังไม่ได้ยินว่านายจตุพรกล่าวหาตนว่าอย่างไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนทราบข้อเท็จจริงดี และเป็นเรื่องแปลกแทนที่บุคคลที่ไปทำร้ายคนอื่นจะออกมาแสดงความรับผิดชอบ กลับมากล่าวหาคนที่ถูกทำร้าย

ต่อข้อถามว่า กรณีมีการพาดพิงว่าทหารเป็นคนทุบรถท่านนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สรุปแกนนำสั่งทหารได้ใช่หรือไม่
เมื่อถามอีกว่า มีการให้ทหารมาร่วมชุมนุมเหมือน เพื่อเป็นการสร้างแผนลวง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “แกนนำบนเวทีเป็นใครล่ะครับ ทุกคนก็เห็นอยู่” อย่าสร้างความสับสนเพิ่มเติมเลย มาร่วมกันแก้ปัญหาดีกว่า ซึ่งการใช้ข้อมูลลักษณะนี้ประชาชนคงมองเห็นความน่าเชื่อถือและความไม่น่าเชื่อถือเอง ดังนั้นจึงไม่ห่วงการชุมนุมวันที่ 10 พ.ค.นี้ แต่อย่างใด เพราะข้อเท็จจริงมันชัดมากและพยานหลักฐานก็มีพร้อมทุกหมด เราไม่อยากจะนำภาพบางเรื่องขึ้นมา เดี๋ยวจะไปสร้างความเกลียดชัง แต่ภาพการปราศรัยที่มีการพูดไล่ล่าตนมีอยู่แล้ว

ต่อข้อถามว่า นายสมยศ พฤษาเกษมสุข แกนนำ นปช.ออกมาพูดถึงการเกิดความรุนแรงขึ้น หากรัฐไม่คืนดีสเตชั่นให้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การแสดงออกในเรื่องสิทธิและเสรีภาพทุกคนสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งถือเป็นจุดยืนของรัฐบาล และเรื่องนี้มี 2 ส่วน คือ อุปกรณ์ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และเท่าที่สอบถามเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการยึดอุปกรณ์ใดๆ หากจะมีการยึดก็ต้องทำตามกฎหมาย โดยเป็นสิ่งของที่ใช้ทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปยึดของเขา ซึ่งเป็นแนวที่รัฐพูดชัดเจน ส่วนการเปิดสถานีขึ้นอยู่กับว่าการดำเนินการได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดหรือไม่ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงไปคือว่าการทำอัพลิงค์ในประเทศไทยขณะนี้ไม่มีใครมีใบอนุญาต ถ้าเป็นการอัพลิงค์ที่อื่นที่ไม่ขัดกฎหมายก็สามารถทำได้ ขณะเดียวกันเมื่อออกอากาศแล้วก็ต้องไม่มีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การยุยงให้คนทำผิดกฎหมาย เผาทรัพย์สินราชการ แต่ถ้าเป็นการวิจารณ์รัฐบาล ตำหนิไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสามารถทำได้ตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น