“อภิสิทธิ์” มั่นใจอาเซียนร่วมมือกันแก้ปัญหา คุมโรคไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ระบาด ปกป้องชีวิตประชากรในภูมิภาคได้ ขณะที่ไทยพร้อมหนุน 5 มาตรการพิชิตโรคไข้หวัดใหญ่ สู่เวทีปะชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 8 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3 วาระพิเศษ เพื่อร่วมมือแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอเอช 1 เอ็น 1 โดยมี นพ.ชิน ยัง-ซู ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกผู้แทนธนาคารโลก และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม โดยในพิธีเปิดการประชุมครั้งนี้ พญ.มากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้ร่วมกล่าวปราศรัยผ่านเทปบันทึกภาพและเสียงเปิดในที่ประชุม จากนั้นมีการประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมร่วมกับนายริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อติดตามสถานการณ์และวิธีแก้ไขปัญหาของสหรัฐฯ ตลอดการประชุม โดยมี นพ.ฟรานซิสโก ที.ดูเก้ ที่ 3 รัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศฟิลิปปินส์ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวว่า ขณะนี้ประชากรในภูมิภาคอาเซียนบวก 3 ซึ่งมีจำนวนกว่า 1 ใน 4 ของประชากรโลก และมีขนาดเศรษฐกิจในสัดส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลก กำลังเผชิญภัยคุกคามใหม่จากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอเอช 1 เอ็น 1 ซึ่งเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ เป็นภัยทางสุขภาพที่ไร้พรมแดน แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วผ่านการเดินทางระหว่างประเทศ มีผลกระทบสูงต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยที่ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถรับมือแก้ปัญหาได้เพียงประเทศเดียวหรือปล่อยปละละเลยได้ ดังนั้น ประเทศกลุ่มอาเซียนบวก 3 จึงต้องมีการประชุมหารือเพื่อร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความจำเป็นที่ต้องใช้ทรัพยากรในการควบคุมสถานการณ์ โดยการเพิ่มมาตรการด้านยา วัคซีนซึ่งมั่นใจว่ามีพอเพียง ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเริ่มใช้มาตรการตรวจคักกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท ให้กับกระทรวงสาธารณสุขในการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้ของประเทศอาเซียนบวก 3 เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างนานาชาติ ในการเตรียมรับการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) รวมถึงการควบคุมป้องกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีในการผลิตวัคซีน รวมทั้งการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างอาเซียนกับนานาชาติ เพื่อที่จะให้ประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนบวก 3 เข้าถึงยาที่จำเป็นอย่าง เพียงพอและรวดเร็ว เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ประเทศอาเซียนบวก 3 ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เช่นเดียวกับความสำเร็จในการป้องกันโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นในอดตีที่ผ่านมา เช่น โรคซาร์ส เป็นต้น
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ จะมีการทบทวนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศอาเซียนบวก 3 และร่วมกันพิจารณาข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของอาเซียน บวก 3 ที่ร่วมกันหารือเมื่อวานนี้ (7 พฤษภาคม 2552) ซึ่งมีเป้าหมายในการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่ประเทศต่างๆ ดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งการแสวงหามาตรการป้องกันควบคุมการระบาด โดยกระทรวงสาธารณสุขไทย สนับสนุน 5 มาตรการในเวทีการประชุม ได้แก่การเปิดสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลการระบาด การตั้งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหากมีการระบาดตามแนวพรมแดน ความร่วมมือการตรวจชันสูตรเชื้อทางห้องปฏิบัติการ การตรวจคัดกรองผู้เดินทางออกจากพื้นที่ที่มีโรคระบาด เพื่อลดผลกระทบด้านการเดินทางและการค้า และความร่วมมือวิจัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพื่อการพัฒนาระบบการสาธารณสุข รับมือหากเกิดการระบาดใหญ่ขึ้น
“การระบาดของโรคนี้กลายเป็นประเด็นซ้ำเติมภาวะวิกฤติด้านการเงินของโลก ที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลาเดียวกัน วิกฤตการณ์เหล่านี้จะทำให้ประเทศเราเสียหาย และประชาชนสูญเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยและทำให้เกิดความยากจนมากขึ้น การที่ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา และผู้นำประเทศต่างๆ ให้การสนับสนุน ทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นว่าจะผ่านวิกฤติเหล่านี้ไปได้ และต้องขอบคุณทุกประเทศที่ให้ความสำคัญ และเชื่อมั่นประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้” นายวิทยากล่าว
สำหรับสถานการณ์การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศ ผลการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้าจากทุกประเทศ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวานนี้ (7 พฤษภาคม) จำนวนกว่า 28,876 ราย ไม่พบรายใดมีไข้ ยอดสะสมตรวจทั้งหมดตั้งแต่ 27 เมษายน - 7 พฤษภาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 343,104 ราย ผลการเฝ้าระวังผู้ป่วยของสำนักระบาดวิทยาตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน - 7 พฤษภาคม 2552 ยังไม่พบรายใดเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงาน ในตอนเช้าวันที่ 8 พฤษภาคม 2552 ตามเวลาประเทศไทย พบผู้ป่วยใน 24 ประเทศ จำนวน 2,371 ราย เสียชีวิต 44 ราย ดังนี้ สหรัฐอเมริกาป่วย 896 ราย เสียชีวิต 2 ราย เม็กซิโกป่วย 1,112 ราย เสียชีวิต 42 ราย ประเทศต่างๆ ที่เหลือ ได้แก่ ออสเตรีย 1 ราย แคนาดา 201 ราย จีน (ฮ่องกง) 1ราย โคลอมเบีย 1 ราย คอสตาริก้า 1 ราย เดนมาร์ค 1 ราย เอลซัลวาดอร์ 2 ราย ฝรั่งเศส 5 ราย เยอรมนี 10 ราย กัวเตมาลา 1 ราย ไอร์แลนด์ 1 ราย อิสราเอล 6 ราย อิตาลี 5 ราย เนเธอร์แลนด์ 2 ราย นิวซีแลนด์ 5 ราย โปแลนด์ 1 ราย โปรตุเกส 1 ราย เกาหลีใต้ 3 ราย สเปน 81 ราย สวีเดน 1 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย และสหราชอาณาจักร
รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคหวัดเม็กซิโกในประเทศไทย