กทม.รับเด็กเข้าโรงเรียนในสังกัดเพิ่มกว่า 2,000 คน แนะรีบติดต่อ 50 เขตพื้นที่ “สุขุมพันธุ์” การันตีมาตรฐานโรงเรียนทัดเทียมเอกชน-รัฐบาล หลัง สมศ.ประเมินผ่านในระดับดี พร้อมเร่งประสานตำรวจรับมือจราจรเปิดเทอม เผยเปิดใช้รถไฟฟ้า 2.2 กิโลเมตร ช่วยบรรเทาปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
![ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/552000005332001.JPEG)
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2552 โรงเรียนสังกัด กทม. สามารถรับเด็กเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ได้อีกประมาณ 2,480 คน แบ่งเป็น ระดับอนุบาล จำนวน 600 คน ระดับประถมศึกษา จำนวน 800 คน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1,000 คน และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีกจำนวน 80 คน
ผู้ปกครองที่ประสงค์ให้บุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนในสังกัด กทม.สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ได้ โดยนักเรียนที่เข้าเรียนนั้น จะได้รับสวัสดิการและการช่วยเหลือตามโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีของ กทม.อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ.รอบ 2 พบว่าโรงเรียนสังกัด กทม.นั้นอยู่ในระดับที่ดี แบ่งเป็น ปฐมวัยมี 429 โรง อยู่ในระดับดีมาก 201 โรง ระดับดี 224 โรง และระดับพอใช้ 4 โรง, ประถม/มัธยม มี 435 โรง อยู่ในระดับดีมาก 180 โรง ระดับดี 250 โรง และระดับพอใช้ 5 โรง ซึ่งผลประเมินดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าโรงเรียนสังกัด กทม.ได้รับมาตรฐานในระดับที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนของรัฐบาล
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีก สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 นั้น ปัญหาด้านการจราจรเป็นปัญหาหนึ่งที่หนักใจที่สุด ซึ่งตนยืนยันว่า จะเร่งประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาจัดการปัญหาจราจร นอกจากนั้น หากรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลมระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสถานีตากสินถึงสถานีวงเวียนใหญ่สามารถเปิดให้บริการได้แล้วก็จะช่วยบรรเทาการจราจรที่ติดขัดได้บางส่วน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความเห็นคนกรุงเทพฯ เรื่อง“ความพึงพอใจของประชาชนต่อการบริหารงานของผู้ว่าฯ กทม.” ของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ด้วยว่า ไม่อยากให้ประชาชนมองแค่การประเมินตัวเลขที่ได้ 5.8 จากคะแนนเต็ม 10 เพราะผู้บริหาร กทม. และลูกจ้างก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ประชาชนยังพอใจผลการทำงานอย่างมาก โดยมีคะแนนถึงร้อยละ 80 ซึ่งตนจะเร่งรัดในเรื่องการบำบัดน้ำเสียที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขมากที่สุด โดยมอบหมายให้ สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ศึกษาแผนระยะ 3 ปี ว่า จะมีแผนในการบำบัดน้ำเสีย และต้องใช้งบประมาณ จำนวนเท่าใด อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา โดย กทม.ได้ตั้งโจทย์ให้น้ำในคลองกรุงเทพฯใสสะอาด ใน 3 ปี ข้างหน้าซึ่งปัจจุบันนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน กทม.มีค่าออกซิเจนที่ระดับ 3 กว่าๆ ซึ่งถือว่าสูงกว่าจังหวัดใกล้เคียง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2552 โรงเรียนสังกัด กทม. สามารถรับเด็กเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ได้อีกประมาณ 2,480 คน แบ่งเป็น ระดับอนุบาล จำนวน 600 คน ระดับประถมศึกษา จำนวน 800 คน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1,000 คน และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีกจำนวน 80 คน
ผู้ปกครองที่ประสงค์ให้บุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนในสังกัด กทม.สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ได้ โดยนักเรียนที่เข้าเรียนนั้น จะได้รับสวัสดิการและการช่วยเหลือตามโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีของ กทม.อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ.รอบ 2 พบว่าโรงเรียนสังกัด กทม.นั้นอยู่ในระดับที่ดี แบ่งเป็น ปฐมวัยมี 429 โรง อยู่ในระดับดีมาก 201 โรง ระดับดี 224 โรง และระดับพอใช้ 4 โรง, ประถม/มัธยม มี 435 โรง อยู่ในระดับดีมาก 180 โรง ระดับดี 250 โรง และระดับพอใช้ 5 โรง ซึ่งผลประเมินดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าโรงเรียนสังกัด กทม.ได้รับมาตรฐานในระดับที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนของรัฐบาล
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีก สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 นั้น ปัญหาด้านการจราจรเป็นปัญหาหนึ่งที่หนักใจที่สุด ซึ่งตนยืนยันว่า จะเร่งประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาจัดการปัญหาจราจร นอกจากนั้น หากรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลมระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสถานีตากสินถึงสถานีวงเวียนใหญ่สามารถเปิดให้บริการได้แล้วก็จะช่วยบรรเทาการจราจรที่ติดขัดได้บางส่วน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความเห็นคนกรุงเทพฯ เรื่อง“ความพึงพอใจของประชาชนต่อการบริหารงานของผู้ว่าฯ กทม.” ของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ด้วยว่า ไม่อยากให้ประชาชนมองแค่การประเมินตัวเลขที่ได้ 5.8 จากคะแนนเต็ม 10 เพราะผู้บริหาร กทม. และลูกจ้างก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ประชาชนยังพอใจผลการทำงานอย่างมาก โดยมีคะแนนถึงร้อยละ 80 ซึ่งตนจะเร่งรัดในเรื่องการบำบัดน้ำเสียที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขมากที่สุด โดยมอบหมายให้ สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ศึกษาแผนระยะ 3 ปี ว่า จะมีแผนในการบำบัดน้ำเสีย และต้องใช้งบประมาณ จำนวนเท่าใด อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา โดย กทม.ได้ตั้งโจทย์ให้น้ำในคลองกรุงเทพฯใสสะอาด ใน 3 ปี ข้างหน้าซึ่งปัจจุบันนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน กทม.มีค่าออกซิเจนที่ระดับ 3 กว่าๆ ซึ่งถือว่าสูงกว่าจังหวัดใกล้เคียง