“เสธ.หนั่น” ตรวจเยี่ยมด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมเสนอ ครม.ของบซื้อเครื่องเทอร์โมสแกนอีก 10 เครื่อง ยันไม่จำเป็นต้องระงับเที่ยวบินจากประเทศที่มีการระบาดหากฮูยกระดับความรุนแรงจาก 5 เป็น 6 มั่นใจมาตรการสกัดกั้นของไทยเอาอยู่ ขณะที่วันนี้ สธ.ติดตั้งเครื่องตรวจวัดไข้อัตโนมัติทำงานเต็มพิกัด 6 จุด 24 ชั่วโมง ตรวจผู้โดยสารขาเข้าทุกเที่ยวบินในรอบ 5 วันเกือบ 2 แสนคน พบอุณหภูมิสูงกว่าปกติ 31 คน ตรวจซ้ำโดยแพทย์พบมีไข้ 1 คน ส่งสังเกตอาการที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร พบไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้หายดี กลับบ้านแล้ว
วันที่ 2 พฤษภาคม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ตรวจเยี่ยมด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดูระบบการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจคนไทย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จะรายงานสถานการณ์และการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของไทยเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ พร้อมขออนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องวัดไข้อัตโนมัติเพิ่มอีก 10 เครื่อง ๆ ละ1.5 ล้านบาท เพื่อติดตั้งที่สนามบินทุกแห่ง สำหรับสนามบินสมุยและสนามบินตรัง ซึ่งเป็นสนามบินเอกชนอยู่ระหว่างประสานเพื่อนำเครื่องไปติดตั้ง นอกจากนี้จะมีการตั้งด่านตรวจทางน้ำและทางบกตามแนวชายแดนเข้าสู่ประเทศไทยด้วย
“ขอให้คนไทยเชื่อมั่นในระบบการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะเพิ่มระดับความเข้มข้นในการป้องกันไม่ให้เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ไทยได้” พล.ตรีสนั่น กล่าว
เมื่อถามว่า หากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เลื่อนจากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ประเทศไทยจะมีการระงับเที่ยวบินที่รับผู้โดยสารมาจากเม็กซิโกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า จะไม่มีการสั่งระงับเที่ยวบิน เพราะต้องคำนึงถึงการท่องเที่ยว และมั่นใจในมาตรการสกัดกั้นของไทยที่วางระบบไว้อย่างเข้มข้นแล้ว
ด้าน นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ประเทศไทยขั้นสูงสุด โดยติดตั้งเครื่องตรวจวัดไข้ด้วยระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) ทั้งหมด 6 จุด เน้นหนักที่จุดตรวจด้านตะวันตก ทางฝั่งสะพานข้ามจากอาคารเทียบเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นจุดทางเข้าใหญ่ที่สุด มีเจ้าหน้าที่ประจำการจุดละ 5 คน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ผลการตรวจผู้โดยสารขาเข้าทุกเที่ยวบิน ในรอบ 5 วันที่ผ่านมา ทั้งหมด 181,713 คน พบอุณหภูมิสูงกว่าปกติ 31 คน วัดอุณหภูมิซ้ำและตรวจเพิ่มเติมโดยทีมแพทย์พยาบาล พบมีไข้ 1 คน ส่งสังเกตอาการที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ผลการตรวจโดยละเอียดไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้กลับบ้านแล้ว
ทั้งนี้ ได้จัดรถพยาบาลประจำการพร้อมที่จะนำส่งผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายต้องเฝ้าระวังต่อ 3 คันตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลบำราศนราดูร และ รพ.เครือข่ายอีก 10 แห่ง ไว้รองรับการตรวจสอบเพื่อแยกโรค หากอาการเข้าข่ายจะให้นอนห้องแยกและรักษาทันที หากไม่เข้าข่ายจะติดตามอาการต่อเนื่อง 14 วัน นอกจากนี้ยังได้เตรียมประสานโรงพยาบาลที่อยู่รอบสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อจัดรถรับผู้ป่วยเพิ่มเติมได้อีก
นายมานิต กล่าวต่อว่า ต้องขอความร่วมมือผู้โดยสารขาเข้าทุกคน รวมทั้งนักบิน และลูกเรือสายการบินต่างๆ ให้ใช้ช่องทางขาเข้าที่ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ครอบคลุมผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคน กระทรวงสาธารณสุขจะประสานขอความร่วมมือสายการบินให้ปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน
ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการแจ้งเตือนผู้โดยสารขาเข้าทุกเที่ยวบิน กระทรวงสาธารณสุขได้แจกเอกสารคำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อนเข้าประเทศ ให้พนักงานแจ้งประกาศบนเครื่องบินก่อนลงที่สนามบินทุกแห่ง และแจกเอกสาร ต.8 ซึ่งเป็นแบบสอบถามสุขภาพผู้เดินทางมาจากแหล่งระบาดของโรคตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ให้ผู้โดยสารกรอกประวัติทุกคน และแจกบัตรคำเตือนสุขภาพ (Health Beware Card) ให้ผู้โดยสารที่ผ่านการตรวจเครื่องวัดอุณหภูมิทุกคนไว้สังเกตอาการตนเองระหว่างพำนักในไทยเป็นเวลา 14 วัน หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ มีไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว ให้พบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางในรอบ 14 วัน ขณะนี้เตรียมสำรองไว้แล้ว 1 ล้านใบ
รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคหวัดเม็กซิโกในประเทศไทย