สธ.ให้ 14 คนไทยจากเม็กซิโกกลับบ้านหมดแล้ว-เฝ้าระวังอีก 3 รายใหม่

สาธารณสุขเผย 14 คนไทยจากเม็กซิโกทยอยกลับบ้านแล้ว ส่วนรายที่มีไข้แพทย์จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ให้ทาน 5 วัน ฆ่าเชื้อให้หมด ขณะที่ยังมีเฝ้าระวังอีก 3 ราย เป็นชายไทย 2 หญิงนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 1 ราย พร้อมกระจายยาโอเซลทามิเวียร์ให้สถานทูตประเทศต่างๆ ในไทย และสถานทูตไทยในประเทศแพร่ระบาด-กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เผย สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจำนวนผู้ป่วยชะลอตัว-ตายไม่เพิ่ม

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ ไพจิตร วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกับทีมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญโรคไข้หวัดใหญ่ที่กระทรวงสาธารณสุข โดย นายวิทยา กล่าวว่า นักเรียนไทยจำนวน 7 คน และอาจารย์คนไทยจำนวน 7 คน ซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเม็กซิโก และสมัครใจเข้าอยู่ในความดูแลของแพทย์ผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการตรงกันว่าทั้ง 14 คนไม่มีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถึงแม้ว่าในจำนวนนี้ 1 รายจะมีอาการเป็นไข้หวัดแต่ก็ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ขณะนี้ ดังนั้น แพทย์เจ้าของไข้ของทั้ง 14 รายจึงอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ซึ่งทั้งหมดได้ทยอยเดินทางกลับบ้านไปตั้งแต่เวลา 10.00 น.วันนี้ และให้ดูแลตัวเองอีก 7 วัน เช็กอุณหภูมิร่างกาย ไม่คลุกคลีกับญาติอย่างใกล้ชิด เช่น การกอดหรือหอมแก้ม หลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนหนาแน่น และแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ทุกวันหากมีอาการผิดปกติหรือมีไข้

รมว.สธ.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ สธ.ได้มีการกระจายยาโอเชลทามีเวียร์ (Oseltamivir) นอกจากให้โรงพยาบาลของรัฐแล้วยังได้กระจายยาดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลเอกชนและแจ้งให้สถานทูตทุกประเทศประจำประเทศไทยที่มีความประสงค์ตัวยาดังกล่าวให้ประสานมายัง สธ.เพื่อจัดส่งตัวยาไปให้ นอกจากนี้ ได้แจ้งถึงสถานทูตไทยทั่วโลกที่ประจำอยู่ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ว่า สธ.ก็จะจัดส่งยาไปให้กับทุกสถานทูตที่มีความเสี่ยงด้วย ส่วนการวางมาตรการดูแลและตรวจสอบผู้เดินทางเข้ามาในประเทศนั้น ขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย และยังไม่พบผู้ป่วยรายใดว่ามีเชื้อไข้หวัดดังกล่าวด้วยเช่นกันแต่มาตรการตรวจสอบทุกสนามบินที่มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ยังคงดำรงไว้เช่นมาตรการเดิม ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยจะต้องมีการกรอกข้อมูลและผ่านการตรวจสอบทุกราย ขณะเดียวกันผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแพร่ระบาดก็ต้องผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ หรือเทอร์โมสแกนเพื่อวัดอุณหภูมิก่อน หากไม่พบว่ามีอาการไข้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้ก็สามารถเดินทางเข้าที่พำนักได้แต่ก็จะได้รับคำแนะนำถึงการปฏิบัติตนจากเจ้าหน้าที่และอยู่ในการเฝ้าระวังอย่างน้อย 7 วัน โดยเลี่ยงการพบปะบุคคลทั่วไป โดย สธ.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามอาการทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและเข้าข่ายที่จะต้องเฝ้าระวังยืนยันว่าจะสามารถตรวจผลทางห้องปฏิบัติการได้ภายใน 24 ชั่วโมงว่ามีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่

นายแพทย์ไพจิตร กล่าวว่า การตรวจสอบผู้ติดเชื้อได้มีการเชื่อมเครือข่ายเข้าด้วยกัน เนื่องจากการตรวจสอบนอกจากจะอาศัยผลจากห้องปฏิบัติการแล้วยังต้องอาศัยข้อมูลทางระบาดวิทยาและข้อมูลอื่นประกอบด้วย เช่น ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือไม่ เป็นต้น ส่วนผลการยืนยันจากห้องปฏิบัติการที่ต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงนั้น เนื่องจากการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการก็อาจคลาดเคลื่อนได้จึงจำเป็นต้องมีการตรวจซ้ำ ดังนั้นการยืนยันผลการตรวจจึงขอเป็นภาย 24 ชั่วโมง สำหรับบางรายที่อาจจะมีกรณีที่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ก็จะมีการประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำเสนอ รมว.สธ.ต่อไป

นายแพทย์ไพจิตร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกขณะนี้พบว่ามีการแพร่ระบาดอยู่ใน 21 ประทศ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,085 คน และเสียชีวิต 26 คน โดยประเทศที่พบว่ามีการติดเชื้อล่าสุดได้แก่ประเทศโปรตุเกสซึ่งจากการหารือในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ เห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้นจำนวนผู้ป่วยมีการชะลอตัวและผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นตัวชี้สถานการณ์ที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทยยังคงมาตรการเช่นเดิมซึ่งในประเทศไทยนั้นพบผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังการติดเชื้อทั้งหมด 17 ราย โดยมีการตรวจยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการและติดตามอาการแล้วว่าไม่มีเชื้อดังกล่าว 14 ราย ยังเหลือผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง 3 รายโดยเป็นชายไทยอายุ 34 ปี อยู่ที่อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ทำงานรับจ้างอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นเวลา 3 ปี และเดินทางกลับมาประเทศไทยซึ่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.มีอาการไอ ไข้ ปวดกล้าเนื้อ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อีก 1 รายเป็นชายไทยอายุ 60 ปี อยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยผู้ป่วยเดินทางผ่านไปยังประเทศที่มีการระบาดและเดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 พ.ค.เริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.เข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และรายที่ 3 เป็นหญิงชาวเยอรมัน อายุ 52 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยพร้อมสามี มีจุดหมายปลายทางที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า มีอาการไอ หอบ มีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส เมื่อผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนแพทย์ได้แยกตัวออกมาและนำส่งโรงพยาบาลราชวิถี

ทั้งนี้ ผลการเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ 27 เมษายน- 4 พฤษภาคม 2552 ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิทั้ง 6 จุด จำนวน 279.653 คน

ด้านนายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ในการประชุมอาเซียนบวก 3 จะมีประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เข้าร่วมประชุมซึ่งทั้ง 3 ประเทศนี้สามารถผลิตวัคซีนได้โดยจะมีการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในวันที่ 7-8 พ.ค.ที่โรงแรมดุสิตธานี และจะมีการแลกเปลี่ยนในด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนจากประเทศเหล่านี้

นายแพทย์ ปรีชา ตันธนาธิป ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ผู้ที่ผลการตรวจยืนยันปลอดภัยไม่มีเชื้อทั้ง 14 คน ได้ทยอยเดินทางกลับบ้านเกือบหมดแล้ว เหลืออีก 3 รายที่รอญาติมารับซึ่งในรายที่มีไข้สูงแพทย์ได้จ่ายยาโอเชลทามีเวียร์ 75 มิลลิกรัม ให้คนไข้รับประทานเป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อแน่นอน และได้ทำความเข้าใจกับผู้ป่วยว่าการรับประทานยาดังกล่าวอาจทำให้เกิดภาพหลอนได้ อย่างไรก็ตามทั้ง 14 รายนี้ เจ้าหน้าที่จะติดตามสอบถามอาการเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถาบันบำราศนราดูร ได้มีพ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนเอเอฟเอส ซี่งอยู่ในความดูแลของแพทย์มาพักติดตามอาการ ต่างมารอรับลูกกลับบ้าน โดยนักเรียนที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ต่างมีใบหน้ายิ้มแย้ม ร่ำลาเพื่อนฝูงเดินทางกลับบ้านโดยไม่มีความกังวลใจใดๆ ขณะที่ผู้ปกครองก็ไม่มีความวิตกกังวลด้วยเช่นกัน

รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคหวัดเม็กซิโกในประเทศไทย

รู้จัก “ไวรัสไข้หวัดหมู” มฤตยูสายพันธุ์ล่าสุด!

สธ.สั่งจับตาหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ในเม็กซิโกใกล้ชิด ยันไม่พบเชื้อนี้ในไทย ปชช.ไม่ต้องกังวล

คุมเข้ม! ตั้งด่านวัดอุณหภูมิ สนามบินสุวรรณภูมิสกัดหวัดหมู เน้นขาเข้าจากเม็กซิโก-อเมริกา

สธ.เปิดสายด่วนไข้หวัดหมู ป้องกันประชาชนตระหนก

สธ.รับมือ “หวัดหมู” กระจายยาสำหรับ 3 แสนคน WHO เผยติดจากคนสู่คน

แพทย์ระบุ “หวัดหมู” รุนแรงน้อยกว่าหวัดนก แต่กระจายได้มากกว่า

“สุวรรณภูมิ” จับตา 8 เที่ยวบินจากเม็กซิโก ยังไม่พบติดเชื้อหมูมรณะ

สธ.เตรียมใช้แผนรับหวัดนก หาก WHO เพิ่มความรุนแรง “หวัดหมู” เตรียมทำคู่มือแจกปชช.

รับมือ “ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก” (ฉบับประชาชน)/เอมอร คชเสนี

WHO ยกระดับ “หวัดเม็กซิโก” ระดับ 4-สธ.ชง ครม.ตั้งกรรมการคุมระบาด

สธ.เฝ้าระวัง "หวัดเม็กซิโก"เข้มข้น คัดกรองทุกสนามบิน วอนคนไทยเลี่ยงไปพื้นที่ระบาด

ครม.ตั้ง “เสธ.หนั่น” นั่งประธานคุม “หวัดเม็กซิโก”