สธ.เพิ่มมาตรการรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เปิด 3 ยุทธศาสตร์ “ล้อมรั้ว เชิงรุก และรักษา “สกัดกั้นหวัดใหญ่ลามสู่ไทย หลังบุกเอเชียที่ฮ่องกง-เกาหลีใต้แล้ว เพิ่มรถพยาบาลฉุกเฉินประจำสนามบิน สั่ง อภ.ผลิตยาโอเซลทามิเวยร์เพิ่ม 2 ล้านเม็ด ส่วนคนไทยต้องสงสัยเฝ้าระวังเหลือแค่ 2 คนจากเดิม 4 คน โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงห่วงใยการระบาดโรค ทรงแนะให้กระทรวงสาธารณสุขเข้มระบบการเฝ้าระวังให้สูงกว่ามาตรฐานไว้ก่อน เพื่อความมั่นใจ
วันที่ 2 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวัง แก้ไข ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน
***"เสธหนั่น" สั่งทีมแพทย์ตรวจคนไทยจากเม็กซิโกละเอียดยิบ
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า มีความมั่นใจมาตรการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยในประเทศ นับเป็นความสำเร็จขั้นต้น แต่สถานการณ์ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ เพราะขณะนี้เชื้อระบาดเข้ามาสู่เอเชียแล้ว มาตรการจะต้องมีความเข้มข้นขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้(3พ.ค.) จะต้องเตรียมการรับคนไทยจำนวน 14 คน จะมีคนไทยจากเม็กซิโกเดินทางกลับประเทศไทย ทีมแพทย์จะต้องเข้าไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด หากมีอาการป่วยไข้ก็ให้นำเข้ารับการรักษาในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลทันที แต่หากตรวจพบว่าไม่มีอาการป่วย ก็อนุญาตให้กลับไปบ้านได้ แต่ต้องให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเยี่ยมบ้านทุกวัน เป็นเวลา 7 วัน
"หากเจ้าหน้าที่สสจ.ไปติดตามที่บ้านแล้วพบว่าผู้อยู่ในการเฝ้าระวังไม่ได้ทำตาม คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เช่น ยังมีการออกมาเดินเล่นนอกบ้าน ก็ให้นำตัวเข้ารับการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องชี้แจงให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องและครอบครัวเข้าใจด้วยว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องใช้มาตรการเหล่านี้และครอบครัวจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร โดยสธ.ต้องแจกเป็นเอกสารคำเตือนและคำแนะนำให้ครอบครัวผู้ที่เดินทางกลับมาด้วย "พล.ต.สนั่นกล่าว
***แสดงน้ำใจพร้อมส่งยา "โอเซลทามิเวีย" ให้เม็กซิโก
พล.ต.สนั่นกล่าวด้วยกว่า นอกจากนี้เป็นการแสดงน้ำใจ ฝากให้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จัดส่งยาต้ายไวรัสโอเซลทามิเวียไปให้กับประเทศเม็กซิโกเพื่อเป็นสินน้ำใจ โดยในเบื้องต้นอาจจะจัดส่งประมาณ 2 หมื่นเม็ด ตามปริมาณจำนวนผู้ป่วยในประเทศเม็กซิโก แต่ให้สอบถามไปยังสถานทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทยก่อนว่ามีความต้องการยาดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
***ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงห่วงใย
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ไปดูจุดตรวจวัดไข้ที่สนามบินพิษณุโลก โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงห่วงใยปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดเข้าไทย และทรงสนพระทัยติดตามสถานการณ์และมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาโดยตลอด ได้ประทานคำแนะนำโดยให้ดำเนินการให้สูงกว่ามาตรฐานไว้ก่อน สำหรับชาวไทยที่มาจากเม็กซิโก หากตรวจแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะมอบหน้ากากอนามัย พร้อมเจลล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อที่ติดมากับมือ ขอความร่วมมือเฝ้าระวัง และมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถามอาการได้ทุกวัน และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.ติดตามเคาะประตูบ้านติดตามอาการผิดปกติทุกวัน จนกว่าจะปลอดภัย แต่หากตรวจพบมีไข้ จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
***ไข้หวัดใหญ่ 2009 ลามเอเชียฮ่องกง-เกาหลีใต้
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2552 กระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิบัติงานเพื่อเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศ โดยมีการประชุมประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในมาตรการเดียวกัน ล่าสุดองค์การอนามัยโลกรายงานมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 ทั่วโลก 381 ราย เสียชีวิต 10 ราย จาก 13 ประเทศ จะประกาศเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศคือเกาหลีใต้ รวม 14 ประเทศ ขณะที่วันที่ 30 พฤษภาคม 2552 มีรายงานผู้ป่วย 257 รายใน 11 ประเทศ ขณะนี้เชื้อเข้าสู่เอเชียแล้ว ได้รับคำยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกงและมหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นรายแรกของเอเชีย เป็นชาวอิตาลีเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ มาที่ฮ่องกง และรายที่ 2 ได้รับรายงานที่เกาหลีใต้
***ไทยเหลือผู้ป่วยเฝ้าระวัง 2 ราย รอยันผลตรวจ
สำหรับประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีผู้ต้องสงสัยเฝ้าระวัง 4 ราย จากผลตรวจล่าสุดเหลือเพียง 2 ราย โดยนพ.ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้าข่ายอยู่ในกรณีการติดตามและสอบสวนโรคจำนวน 2 คน โดยทั้ง 2 ราย เป็นเพศหญิง รายแรกอายุ 42 ปี พักรักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งผลการตรวจเบื้องต้นพบว่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่รอการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ส่วนอีกรายเป็นมัคคุเทศก์วัย 46 ปี มีประวัติการพาลูกทัวร์ไปเที่ยวในประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พ.ค.มีอาการไข้ อุณภูมิร่างกาย 37.9 องศาเซลเซียส ปัจจุบันพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องแยกโรคโรงพยาบาลเลิดสิน
***สธ.ประกาศใช้ยุทธศาสตร์ "ล้อมรั้ว เชิงรุก รักษา"
นพ. ปราชญ์กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศยุทธศาสตร์ป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้ทุกจังหวัดปฏิบัติแนวเดียวกันทั่วประเทศ คือ ล้อมรั้ว เชิงรุก และรักษา ยุทธศาสตร์ล้อมรั้ว เน้นการป้องกันผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะมาตรการที่สนามบิน ได้ตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสารเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ด้วยเครื่องตรวจวัดไข้ จัดทีมแพทย์ พยาบาล จัดระบบรับ-ส่งผู้ป่วยจากสนามบินและสถานพยาบาล ขณะนี้มีผู้เดินทางผ่านเครื่องนี้แล้วกว่า 1 แสนคน ยังไม่พบรายใดเข้าข่ายติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
สำหรับยุทธศาสตร์เชิงรุก คือมาตรการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการเกณฑ์เดียวกับสากล รายงานผลภายใน 4 ชั่วโมง มีทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว หรือเอสอาร์อาร์ที (SRRT) ค้นหาผู้ป่วยในชุมชน 1,030 ทีม ร่วมกับอสม.อีกกว่า 970,000 คนทั่วประเทศ เพื่อค้นหาผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด ส่วนยุทธศาสตร์การรักษา ได้ปรับแนวทางการรักษาพยาบาล การให้ยาต้านไวรัส และการวางเครือข่ายระบบส่งต่อผู้ป่วยในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนแนวทางเดียวกัน หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นอาจเสนอจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับประเทศ
***เพิ่มรถพยาบาลฉุกเฉิน-สั่งสำรองยาเพิ่ม 2 ล้านเม็ด
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มาตรการที่จะเพิ่มขึ้นของไทยในขณะนี้ที่นอกจากติดเครื่องเทอร์โมสแกนที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ในวันที่ 4 พ.ค.นี้จะมีรถจากศูนย์นเรนทรไปประจำที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มอีก 1 คัน รวมเป็น 2 คัน เพื่อไว้คอยส่งตัวผู้ต้องสงสัยและมีอาการไข้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศไปตรวจได้ทันที นอกจากนี้จะสั่งการให้ทุกโรงพยาบาล เตรียมจัดห้องแยกให้เป็นจุดตรวจคัดกรองผู้ป่วย เช่นเดียวกับไข้หวัดนก มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สั่งวัตถุดิบมาผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ หรือทามิฟลู เพิ่มอีก 2 ล้านเม็ด จากที่มีอยู่แล้ว 4 ล้านเม็ด และหน้ากากอนามัยไว้เตรียมป้องกันโรค และที่ประชุมได้หารือเพื่อกำหนดมาตรการในการรับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากเม็กซิโกวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) จำนวน 14 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.สนั่น จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจและการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคที่ประจำอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อคัดกรองเฝ้าระวังผู้ที่ต้องสงสัยเดินทางเข้าประเทศด้วย
รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคหวัดเม็กซิโกในประเทศไทย