กทม.-อสส.-ป.ป.ช.เตรียมประชุมร่วมกับกมธ.แอนตี้คอรัปชั่นของวุฒิสภาพรุ่งนี้หาข้อสรุปปัญหารถดับเพลิง เร่งรัฐบาลตั้งกรรมการร่วมประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหารถดับเพลิง ยันจะไม่ยอมแพ้ ชี้ฟ้องร้องต้องเป็นรัฐต่อรัฐ
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาข้อตกลงซื้อขายรถ เรือดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการว่า ทางคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ชุดที่มีนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.เป็นประธาน ได้เชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และ กทม.เข้าให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) หลังจากการประชุมทั้งในส่วนของคณะกรรมการชุด กทม. ตลอดจนรับฟังข้อมูลพบมีความเห็นขัดแย้งกันระหว่าง ป.ป.ช.กับ อสส. โดยทาง ป.ป.ช.ระบุว่าสัญญาเป็นโมฆะ ขณะที่ อสส.บอกว่าไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ ทำให้ กทม.ในฐานะผู้ปฏิบัติลำบากใจ
ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีการหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปหรือแนวทางการปฏิบัติว่า กทม.จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
พญ.มาลินี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กทม.จะเร่งออกหนังสือ 2 ฉบับโดยเร็ว โดยฉบับแรกจะส่งถึงรัฐบาลให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งประกอบด้วย กทม. อสส. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง กระทรวงมหาดไทย เพื่อปรึกษาหารือและเจรจา ตลอดจนเพื่อรวมรวมข้อมูลในทุกระดับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาว่าใครทำอะไรไปบ้าง เพื่อความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาต่อไป ขณะที่อีก 1 ฉบับ คือหนังสือทวงถามเรื่องเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 60% ตามสัญญา ซึ่งจะส่งถึงกระทรวงมหาดไทยผ่านไปยังกระทรวงการคลังเพื่อนำมาจ่ายค่างวดต่อไป ส่วนกรณีการจะส่งค่างวดๆ ต่อไปหรือไม่นั้น ยังจำเป็นต้องต่อสู้กันต่อไป และไม่กังวลเรื่องเงินที่เสียเนื่องจากหากมั่นใจว่าฝ่ายเราถูกก็สามารถเรียกคืนได้
ประธานคณะกรรมการฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กทม.ยังมีเหตุจำเป็นตามกฎหมายที่จะต้องจ้างทนายเพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาของบริษัท นามยง เทอร์มินอล จำกัด เรื่องค่าภาษีหน้าท่า ซึ่งขณะนี้ในส่วนของขั้นตอนการสรรหาทีมทนายความใกล้ได้ข้อสรุปแล้วและกำลังรอการอนุมัติจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เบื้องต้นเป็นทีมทนายความที่ไว้ใจได้ รู้รายละเอียดเรื่องราวมาโดยตลอด ตลอดจนมีความสามารถและเครือข่ายช่วยเหลือกรณีการสู้คดีในต่างประเทศในอนาคตได้อีกด้วย
“เราจะไม่ยอมแพ้แน่นอน และเชื่อด้วยว่าจะไม่แพ้ สังคมโลกจะต้องจับตามองว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมาทำมาค้าขายกับประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนาด้วยวิธีเอาเปรียบ ขาดคุณธรรม ซึ่งกรณีของเราจะเป็นกรณีตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ไม่ใช่มานั่งงอมืองอเท้าให้เขาหลอกให้เขาโกงแบบที่ผ่านมาเพราะกลัวจะแพ้ ตกลงก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้เขาโกงเราไปให้หมด เรื่องแบบนี้ต้องเป็นบทเรียน ส่วนการฟ้องร้องเรื่องรถดับเพลิงนั้นคงต้องเป็นระดับรัฐต่อรัฐเพราะเป็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนแบบรัฐต่อรัฐไม่ใช่ซื้อผ่านบริษัท”ประธานคณะกรรมการฯ กล่าว