สธ.เตรียมเสนอ ก.พ.ขอตั้งตำแหน่งใหม่ ต่ออายุราชการแพทย์ อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิ 10 สายงานสาขาขาดแคลน ทั้งภาคให้บริการและการสอน ที่เกษียณอายุราชการปีนี้ ออกไปอีก 10 ปี อาทิ ด้านศัลยกรรมหัวใจ ศัลยกรรมสมอง
วันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม การขอต่ออายุราชการให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2552 ว่า จากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 108 ได้บัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีอายุครบ 60 ปี และทางราชการมีความจำเป็นที่จะต้องให้รับราชการในหน้าที่ที่จำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความสามารถเฉพาะตัวในตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งทั่วไประดับอาวุโส หรือระดับทักษะพิเศษ จะให้รับราชการต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะต้องใช้ตำแหน่งว่างเดิมของผู้เกษียณอายุราชการในการแต่งตั้งเพื่อต่อเวลาราชการ ทำให้เกิดปัญหาข้าราชการที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณ ไม่มีตำแหน่งรองรับ
ในการแก้ไขปัญหานี้ ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขออนุมัติ ก.พ. เป็นกรณีพิเศษ ขอกำหนดตำแหน่งเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญเพิ่มใหม่ ให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งในสาขาขาดแคลนของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งมีจำนวน 10 สาขา ตั้งไว้เป็นตำแหน่งว่างสาขาละ 5 อัตรา โดยตำแหน่งทั้งหมดกำหนดไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อรองรับผู้จะต่ออายุราชการออกไปอีก 10 ปี เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ที่จะเลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณอายุราชการ ขณะนี้ได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวให้ ก.พ.แล้ว คาดว่าจะทันใช้ในอีก 6 เดือน
ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้าราชการเกษียณที่กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอขอต่ออายุต่อไปอีก 10 ปี คือจะให้เกษียณที่อายุ 70 ปี เช่นเดียวกับผู้พิพากษา มีทั้งหมด 10 สายงานสาขาขาดแคลนมาก ได้แก่ แพทย์ระดับเชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิ สาขาศัลยกรรมหัวใจ ศัลยกรรมสมอง ศัลยกรรมทั่วไป นิติเวชศาสตร์ รังสีวิทยา และวิสัญญี และอาจารย์ระดับชำนาญการพิเศษ ที่ทำหน้าที่สอนในวิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยการสาธารณสุข ที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มี 4 สายงาน ได้แก่ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ และวิทยาจารย์
ทั้งนี้ จำนวนตำแหน่งที่ขอต่ออายุราชการในสายงานแพทย์ จะกำหนดขึ้นใหม่ตำแหน่งละ 5 อัตรา แบ่งเป็นระดับเชี่ยวชาญ 3 อัตรา ระดับทรงคุณวุฒิ 2 อัตรา และสายงานการสอน จะใช้ตำแหน่งละ 5 อัตรา ในระดับชำนาญการพิเศษ
วันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม การขอต่ออายุราชการให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2552 ว่า จากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 108 ได้บัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีอายุครบ 60 ปี และทางราชการมีความจำเป็นที่จะต้องให้รับราชการในหน้าที่ที่จำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความสามารถเฉพาะตัวในตำแหน่งวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งทั่วไประดับอาวุโส หรือระดับทักษะพิเศษ จะให้รับราชการต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะต้องใช้ตำแหน่งว่างเดิมของผู้เกษียณอายุราชการในการแต่งตั้งเพื่อต่อเวลาราชการ ทำให้เกิดปัญหาข้าราชการที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณ ไม่มีตำแหน่งรองรับ
ในการแก้ไขปัญหานี้ ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขออนุมัติ ก.พ. เป็นกรณีพิเศษ ขอกำหนดตำแหน่งเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญเพิ่มใหม่ ให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งในสาขาขาดแคลนของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งมีจำนวน 10 สาขา ตั้งไว้เป็นตำแหน่งว่างสาขาละ 5 อัตรา โดยตำแหน่งทั้งหมดกำหนดไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อรองรับผู้จะต่ออายุราชการออกไปอีก 10 ปี เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ที่จะเลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณอายุราชการ ขณะนี้ได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวให้ ก.พ.แล้ว คาดว่าจะทันใช้ในอีก 6 เดือน
ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ข้าราชการเกษียณที่กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอขอต่ออายุต่อไปอีก 10 ปี คือจะให้เกษียณที่อายุ 70 ปี เช่นเดียวกับผู้พิพากษา มีทั้งหมด 10 สายงานสาขาขาดแคลนมาก ได้แก่ แพทย์ระดับเชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิ สาขาศัลยกรรมหัวใจ ศัลยกรรมสมอง ศัลยกรรมทั่วไป นิติเวชศาสตร์ รังสีวิทยา และวิสัญญี และอาจารย์ระดับชำนาญการพิเศษ ที่ทำหน้าที่สอนในวิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยการสาธารณสุข ที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มี 4 สายงาน ได้แก่ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ และวิทยาจารย์
ทั้งนี้ จำนวนตำแหน่งที่ขอต่ออายุราชการในสายงานแพทย์ จะกำหนดขึ้นใหม่ตำแหน่งละ 5 อัตรา แบ่งเป็นระดับเชี่ยวชาญ 3 อัตรา ระดับทรงคุณวุฒิ 2 อัตรา และสายงานการสอน จะใช้ตำแหน่งละ 5 อัตรา ในระดับชำนาญการพิเศษ