ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ส่งผลทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจำต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองและใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่สมาชิกของครอบครัวเองก็ต้องดิ้นรนทำงานเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือในอีกทางหนึ่ง
“ครูก้อง- พงศ์พรรณ เวชรังษี" อาจารย์หมวดวิชา ศิลปศึกษา ร.ร.ราชนันทาจารย์สามเสนวิทยาลัย 2 เป็นอีกคนหนึ่งที่เล็งเห็นถึงสถานการณ์ดังกล่าว และได้ตัดสินใจนำความรู้ที่ตัวเองมีมาถ่ายทอดให้กับนักเรียนที่สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้นักเรียนมีรายได้พิเศษให้แก่ครอบครัวและยังใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แถมยังเป็นการฝึกสมาธิ ไปในตัวด้วย
และความรู้ที่ครูก้องเชี่ยวชาญเป็นพิเศษก็คือ “การทำตุ๊กตาหมี”
ครูก้องอธิบายถึงสาเหตุที่ทำตุ๊กตาหมีว่า สมัยที่เป็นเด็กได้ดูการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับหมีและเห็นว่าหมีนั้นได้ช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆไว้เป็นจำนวนมากจนกระทั่งตัวมันตาย จึงทำให้มีความรู้สึกรักและชอบในตุ๊กตาหมี เมื่อเดินผ่านร้านตุ๊กตาจะเข้าไปดูและเลือกซื้อมาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก เพราะคิดว่าตุ๊กตาหมีมันไม่ใช่แค่ตุ๊กตาธรรมดาๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ต่อมาเมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็เลือกคณะนาฏศิลป์ เอกการแสดง และมีวิชาการเขียนบท เลยนำตุ๊กตาหมีมาเป็นตัวละครในการดำเนินเรื่อง
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งเกิดมีความคิดว่าตุ๊กตาที่ซื้อมานั้นไม่ค่อยถูกใจเท่าไร จึงเกิดแรงบันดาลที่อยากจะทำตุ๊กตาขึ้นมาไว้เป็นของตัวเอง เลยไปเดินหาซื้อหนังสืออยู่เล่มหนึ่งชื่อว่า “เรื่องหมี หมี” ที่เขียนโดย ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทำให้ทราบว่าบนโลกใบนี้มีคนที่รักหมีและคิดเช่นเดียวกับตนเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ได้หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตถึงวิธีการทำตุ๊กตาหมี จนกระทั่งพบวิธีและขั้นตอนในการทำจึงได้ไปซื้ออุปกรณ์และเริ่มลงมือทำ
ทั้งนี้ ตอนแรกที่ลงมือทำตุ๊กตาหมีนั้นไม่มีพื้นฐานอะไรในการเย็บ แต่ด้วยความรักและชอบก็นั่งเย็บตุ๊กตาตัวแรกอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน จนกระทั่งได้ตุ๊กตาที่ถูกใจตามที่ต้องการ และเมื่อเย็บไปได้ระยะหนึ่งก็ไปหาซื้อหนังสือจากต่างประเทศมานั่งแปล เนื่องจากต่างประเทศเขามีการสอนทำตุ๊กตามากกว่าในบ้านเรา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มเทคนิคและพื้นฐานต่างๆให้มากขึ้นด้วย และเมื่อทำเสร็จก็จะมีการตั้งชื่อให้กับตุ๊กตาแต่ละตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นชื่อที่ตลกๆ เช่น อีงง อีง่วง ฯลฯ
ครูก้อง ให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่สอนทำตุ๊กตาว่า มีนักเรียนอยู่จำนวนหนึ่งมาขอให้สอนทำตุ๊กตา เนื่องจากจะนำไปเป็นอาชีพเสริม อีกทั้งตนก็มีแนวคิดว่าการทำตุ๊กตานั้นสิ่งสำคัญที่เด็กจะได้ไปก็คือ การฝึกสมาธิให้กับตนเอง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เด็กสามารถค้นพบตัวตนของตัวเอง และเขาสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นไปต่อยอด นำไปประกอบอาชีพเสริมเพื่อเป็นการหารายได้เพิ่มเติมให้แก่ครอบครัวในยุคเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่มีข้อแม้ว่าใครที่มาเรียนจะต้องมีความตั้งใจจริง และรักที่จะทำ
“การทำตุ๊กตาแต่ละตัวนั้นไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป แต่คนทำจะต้องมีความตั้งใจและรักที่จะทำจริงๆ แต่สำหรับครูแล้วคิดว่าง่าย เพราะมีใจรัก ขณะที่ทำรู้สึกว่ามีความสุข ผทอยากให้เด็กแต่ละคนค้นพบตัวของตัวเองว่าเรารักและชอบอะไร ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หรือการเรียนหนังสือ เมื่อเราค้นพบแล้ว ก็ขอให้ตั้งใจทำในสิ่งๆนั้น เพราะการที่เราทำอะไรด้วยความตั้งใจและรัก เราจะมีความสุขอยู่กับมัน เวลาที่ทำจะไม่รู้สึกท้อ แต่สิ่งที่ทำนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี และจะต้องประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในศีลธรรม มีความซื่อสัตย์” ครูก้องระบุ
ขณะที่ศุภรัตน์ เวียนไชย หรือ น้องชมพู นักเรียน ร.ร.ราชนันทาจารย์สามเสนวิทยาลัย 2 ชั้นม.6/4 ระบุว่า ส่วนตัวมีความชอบในการทำตุ๊กตาหมี จึงมีความตั้งใจที่จะศึกษาหาความรู้ โดยตุ๊กตาตัวแรกที่ทำนั้น ทำให้กับตัวเอง ให้กับคุณแม่ อาจารย์และเพื่อนๆ เมื่อมีความชำนาญก็ทำไปขาย แต่ระยะแรกๆ ผลตอบรับยังไม่ค่อยดีเท่าไรนัก พอผ่านไป1-2 เดือนผลตอบรับเริ่มดีขึ้น มีคนจากต่างประเทศสั่งทำตุ๊กตาพวงกุญแจ ทำให้มีรายได้มาช่วยเหลือทางบ้าน ส่วนประโยชน์ที่ได้รับทำให้มีสมาธิ ทำให้ใจเย็นลง และมีแรงบันดาลใจที่จะนำไปประกอบอาชีพ อยากจะนำความรู้ไปสอนให้กับคนอื่นๆเพื่อให้มีวิชาชีพ
ด้านอดิศักดิ์ คลยงค์ หรือน้องดุ๊ก กับ คมเดช สกุลสถาพร หรือน้องตั้น นักเรียนร.ร.ราชนันทาจารย์สามเสนวิทยาลัย 2 ชั้นม.6/4ระบุว่า สาเหตุที่มาเรียนการทำตุ๊กตาหมีนั้นไม่ได้มีใครมาบังคับ แต่เพราะมีความรักและสนใจที่จะทำเนื่องจากในสมัยมัธยมต้นพลาดโอกาสในการเรียน อีกทั้งมีความคิดที่ว่าการให้ของขวัญกับคนที่เรารักในวันสำคัญๆน่าจะวิเศษกว่าที่เราจะไปเดินซื้อ ซึ่งบางครั้งมันดูแล้วซ้ำซากและธรรมดาจนเกินไป หรือในบางโอกาสสามารถที่จะทำให้กับคนที่อยากจะได้และสามารถเอาวิชาความรู้ไปช่วยคนอื่นๆได้ด้วย
นอกจากนี้น้องทั้ง 2 คนยังมีความคิดที่ว่าการทำตุ๊กตาสามารถที่จะฝึกในเรื่องของสมาธิ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายเองก็สามารถที่จะทำได้เหมือนกัน