xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์และแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ จับกระแสลงทุนกับอเบอร์ดีน

บรูซ สเตาท์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายจัดการลงทุนตราสารทุนโลก ได้รายงานสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก ในเดือนธันวาคมไว้ดังนี้

ภาพรวม
เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ไม่เคยเป็นมาก่อน” บ่อยครั้งเกินความจำเป็นจากข่าวสารในวงการการลงทุน แต่ไม่มีช่วงระยะเวลาใดในประวัติศาสตร์ทางการเงินที่เหมาะสมกับวลีนี้ได้มากเท่ากับปี 2551

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์ที่สร้างผลกระทบในทางลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ภาวะฝืดเคืองของตลาดเงิน ตามมาด้วยการล้มละลายของหลายธุรกิจที่เป็นข่าวใหญ่ จนเป็นสาเหตุให้ภาครัฐต้องออกมาตรการต่างๆที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ และสุดท้ายเศรษฐกิจโลกก็เข้าสู่ภาวะชะลอตัว ดัชนีตลาดหุ้นหลักของโลก MSCI World Index ได้ปรับลงไปมากถึง 46.9% นับตั้งแต่ต้นปี 2551 ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุนในแง่ลบจากภาวะผันผวนในตลาดหุ้น ซึ่งดัชนี VIX Index ทำการสำรวจไว้ว่าได้พุ่งขึ้นถึงระดับที่ ”ไม่เคยเป็นมาก่อน” แม้แต่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อปี 2540 หรือช่วงที่เกิดฟองสบู่ในหุ้นเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งช่วงหลังเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่มเมื่อ 11 กันยายน 2544 ในขณะที่ความเชื่อมั่นที่ว่าตลาดหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั้นมีเสถียรภาพ เพราะมีปัจจัยพื้นฐานอันแข็งแกร่ง และมีเศรษฐกิจที่เป็นอิสระจากประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงน่าจะเป็นตลาดที่เหมะแก่การลงทุนในช่วงเวลานี้ แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

เนื่องจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลง จึงเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคจะเป็นไปในทิศทางที่ดี ในส่วนของประเทศทางตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มีความเป็นไปได้ที่จะประสบกับมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ลดระดับลงในช่วงเวลาที่ยาวนานและมากด้วยอุปสรรคจากนี้ไป เนื่องจากผู้บริโภคจะถูกจำกัดในการกู้เงิน ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นมีความกังวลว่าแนวโน้มที่กฎระเบียบการประกอบธุรกิจจะมีความเข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงกำไรและเงินปันผลจากบริษัทต่างๆในตลาดหุ้นที่จะลดลงมาก แต่ในบางภูมิภาคเช่น เอเชีย ธุรกิจอาจมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่อื่น ในเรื่องของกำไรและความสามารถในการให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน

ภาพความกังวลในตลาดหุ้นในปัจจุบันแตกต่างอย่างมากจากสภาวะตลาดหุ้นที่เคยคึกคักเมื่อ 18 เดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจเติบโตในระดับสูง และข้อเสียอย่างเดียวที่มีคือ ประเทศทางตะวันตกมีภาระการชำระหนี้ที่ครบกำหนดมากเกินตัว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นที่เคยมีการซื้อขายที่คึกคักในอดีตก็มีส่วนที่น่าผิดหวัง แม้ในช่วงนั้นมีหุ้นของบริษัทที่ดีมีคุณภาพสูงเสนอขายอยู่หลายบริษัท แต่มีเพียงหุ้นของไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่มีการซื้อขายในระดับราคาที่เหมาะสมต่อการลงทุน สำหรับนักลงทุนในตราสารทุนที่มีมุมมองการลงทุนในระยะยาว ความหวั่นวิตกของนักลงทุนและความผันผวนในตลาดกลายเป็นช่องทาง (และยังคงเป็นช่องทางต่อไป) สำหรับโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่มีรูปแบบของธุรกิจที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ ประกอบด้วยงบดุลที่มีความแข็งแกร่ง และผู้บริหารที่มากประสบการณ์และมีความน่าเชื่อถือ และมีราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ

อเบอร์ดีนถือเป็นตัวอย่างของนักลงทุนในประเภทนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้ปรับลดสัดส่วนหุ้นของสหรัฐอเมริกาที่มีระดับราคาสูงในพอร์ตการลงทุนของเรา เพื่อไปลงทุนในภูมิภาคอื่นที่ดีกว่า เช่น ลงทุนในหุ้นยุโรป และหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นต้น แต่ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หุ้นของหลายบริษัทที่มีศักยภาพสูงในสหรัฐฯ เริ่มมีระดับราคาที่ถูกลงและเหมาะสมต่อการลงทุนตามเกณฑ์การพิจารณาของอเบอร์ดีน ดังนั้น อเบอร์ดีนจึงกลับมาเริ่มลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพของสหรัฐฯอีกครั้ง เริ่มจากสามบริษัท ได้แก่ บริษัทประกันภัย แอฟแลค บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และบริษัทผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ ดาว เคมีคอล ในราคาที่น่าสนใจ

ภาวะที่ตลาดหุ้นซบเซาก่อให้เกิดโอกาสในภูมิภาคอื่นด้วยเช่นกัน เช่นในตลาดหุ้นของสหราชอาณาจักร ซึ่งสถานการณ์ทำให้หุ้นของหลายบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติปรับลดลง เช่น หุ้นของบริษัทเหมืองแร่ ริโอ ตินโต ที่เคยมีราคาสูงเป็นเวลาหลายปีตลอดช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ ซึ่งถูกเทขายจนมีราคาถูกลงมาก สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวในการขายกิจการให้กับ บีเอชพี บิลลิตัน อเบอร์ดีนจึงใช้โอกาสที่เกิดขึ้น และเริ่มเข้าซื้อหุ้นของ ริโอ ตินโต ที่เราเฝ้าติดตามราคามาเป็นเวลานาน และเป็นการกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นธุรกิจเหมืองแร่อีกครั้ง หลังจากว่างเว้นไปในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

ตลอดเวลาที่ผ่านมา อเบอร์ดีนติดตามและใช้ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้น เพื่อปรับน้ำหนักการลงทุนในพอร์ตการลงทุนของเรา เพื่อสร้างผลกำไรจากโอกาสที่เกิดขึ้น อเบอร์ดีนมีความพอใจกับกิจกรรมการลงทุนที่มีสูงในช่วงที่ตลาดเต็มไปด้วยความผันผวนและนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 โดยมีการซื้อ เพื่อเพิ่มน้ำหนักในหุ้นของบริษัททั่วโลก เมื่อหุ้นมีราคาลดลงมากและน่าลงทุน ในขณะเดียวกันก็มีการขาย เพื่อลดน้ำหนักของหุ้น เมื่อหุ้นมีราคาสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งและทำกำไรจากการขายนั้น

แนวโน้ม
ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนตัวลงในขณะนี้ ปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับนักลงทุนในทรัพย์สินทุกประเภท สำหรับตลาดหุ้น นักลงทุนเกิดความกังวลและหลีกเลี่ยงการลงทุนมากกว่าช่วงเวลาใดๆในอดีต แต่ภาวะหุ้นยิ่งลดลงมากในระยะสั้น ก็จะทำให้ปรับลงถึงจุดต่ำสุดเร็วยิ่งขึ้น และภาวะเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อนักลงทุนมีความชินชาต่อกระแสข่าวร้ายทั้งหมดแล้วเท่านั้น

กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวและหลักการที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นของอเบอร์ดีนจะเป็นปรัชญาการลงทุนที่เหมาะสม และเราเชื่อว่า อเบอร์ดีนอยู่ในฐานะที่ดีในการได้ประโยชน์จากภาวะซบเซาของตลาดหุ้น มากกว่าจะตกเป็นเหยื่อในสถานการณ์เช่นนั้น ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2552 อันที่จริงสำหรับอเบอร์ดีน ภาวะหุ้นซบเซากลับเป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก และบางทีอาจเป็นโอกาสแบบที่ “ไม่เคยเป็นมาก่อน” ด้วยซ้ำ ในการเสริมคุณภาพให้แก่กลุ่มหุ้นในพอร์ตการลงทุนของเรา โดยการเพิ่มปริมาณหุ้นในพอร์ตที่จะนำมาซึ่งผลกำไรที่สูงขึ้นในระยะเวลาที่ยาวขึ้นให้แก่นักลงทุนที่มีความอดทนอย่างเช่น อเบอร์ดีน

จังหวะลงทุนแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย ช่วงนี้อาจเป็นช่วงที่ท่านพิจารณาเรื่องของการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ท่านสามารถเลือกลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด ซึ่งมีกองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) ซึ่งลงทุนในตราสารทุน และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้

ขณะเดียวกัน ท่านสามารถไปร่วมงานมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้าย วันที่ 20-21 ธันวาคม 2551 เวลา 09.00 – 18.00 น. ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเยี่ยมชมบูธอเบอร์ดีน พร้อมรับของสมนาคุณ และโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น หากท่านลงทุนในกองทุนของ อเบอร์ดีน (ยกเว้นกองทุนเปิด อเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น) ลงทุน 10,000 – 29,99 บาท รับฟรี พวงกุญแจอเบอร์ดีน ลงทุน 30,000 - 99,999 บาท รับฟรี ตุ๊กตาหมีอเบอร์ดีน ลงทุน 100,000 - 199,999 บาท รับฟรี ร่มอเบอร์ดีน (รุ่นสั่งผลิตพิเศษ จำนวนจำกัด) ลงทุน 200,000 บาท หรือมากกว่า รับฟรี ร่มอเบอร์ดีน (รุ่นสั่งผลิตพิเศษ จำนวนจำกัด) + ตั๋วหนัง 2 ใบ

นอกจากนี้ ยังมีสิทธิรับเพิ่มโปรโมชั่นสำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท อินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนในปีนี้ มีสิทธิ์รับบัตรกำนัลห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล มูลค่า 200-1,500 บาท สำหรับแต่ละกองทุน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกประเภทและนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทน

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพของ บลจ.อเบอร์ดีน จำกัด สามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2352-3333 หรือที่ www.aberdeen-asset.co.th

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น