กทม.เผยผลสำรวจความพึงพอใจงานมหกรรมสินค้าราคาถูกผูกรอยยิ้ม 70% พอใจ เงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหาร กทม.ว่า จากที่ กทม.จัดงาน “มหกรรมสินค้าถูก ผูกรอยยิ้ม” ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค.2552 เป็นเวลา 54 ชั่วโมง ที่ท้องสนามหลวง เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดจากผู้ผลิตโดยตรงนั้น สำนักพัฒนาสังคมรายงานว่า ผู้ขอรับบริการโซนออมทรัพย์รับรอยยิ้ม ตรวจสุขภาพการเงิน รับคำปรึกษาการเงิน การออม และการลงทุนกับศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว มีผู้มาขอรับบริการจำนวน 426 ราย โซนยิ้มกระจายได้รายได้เสริม บริการสอนอาชีพ เช่น ตัดผม ทำขนม ทำอาหารไทยฟรี มีผู้มาฝึกเพนต์แก้ว ร้อยลูกปัด ถักลวด แกะสลักผักผลไม้แปรรูปสมุนไพร และการทำกระเป๋าผ้าไหม จำนวน 1,546 ราย ฝึกตัดผม จำนวน 1,332 ราย และนวดฝ่าเท้า จำนวน 1,128 ราย โซนสุขภาพดีมีรอยยิ้ม บริการตรวจสุขภาพร่างกาย ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการฟรี มีผู้ขอรับบริการ จำนวน 957 ราย โซนยิ้มอิ่มท้อง ชวนชิมอาหารอร่อย หลากหลายเมนูราคาประหยัด 72 บูท ยอดขาย 911,690 บาท โซนยิ้มทั่วทิศผลิตภัณฑ์ชุมชน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น 160 บูท ยอดขาย 451,680 บาท โซนยิ้มสบายกระเป๋า สินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น ICC, CP ล็อกซ์เล่ย์ มาลี ทิปโก้ สามแม่ครัว น้ำตาลมิตรผล มะลิ รวมยอดขาย 42,447,447 บาท ยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 50,010,817 บาท
ทั้งนี้ กทม.ได้ประเมินผลการจัดงาน โดยสำรวจความพึงพอใจ โดยสอบถาม 1,000 คน ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อสินค้า พบว่า 70% พอใจการจัดมหกรรมสินค้าถูกฯ 25% ต้องการให้มีการปรับปรุงแก้ไข และ 5% ยังไม่พอใจและมีข้อเสนอแนะ ด้านสถานที่อยากให้มีเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศร้อนมาก เกิดฝุ่นละอองทำให้อาหารดูสกปรก ร้านค้าส่วนใหญ่ต้องการตั้งร้านขายของ บริเวณริมถนนด้านนนอกเป็นแนวยาวรอบสนามหลวง เพื่อให้ผู้ซื้อเดินสะดวกและเป็นวงรอบ นอกนั้นยังพบว่าสินค้าและอาหารบางรายราคายังไม่ถูกกว่าราคาทั่วไป ระยะเวลาการจัดงานน้อยไป ควรจัดเดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนต่อครั้ง รถสุขาไม่เพียงพอ แสงสว่างไม่เพียงพอ การจราจรติดขัด ที่จอดรถยังไม่เพียงพอ และการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง