xs
xsm
sm
md
lg

เล็งยุบองค์การมหาชนไร้ผลงาน วธ.มีลุ้นตั้ง 1 องค์การ‏

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธีระ สลักเพขร รมว.วธ.
ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ตีกลับ 2 ร่างแก้ไขเงื่อนไขการสร้างหนังนอกในไทย ชี้ การตรวจบทภาษาอังกฤษและคุมกองถ่ายยิบ ทำให้ต่างชาติขยาด ชี้ ขาดโอกาสนำรายได้เข้าประเทศกว่า 1 พันล้าน ด้าน “กอร์ปศักดิ์” ระบุ รบ.เล็งยุบองค์กรมหาชนไร้ผลงาน ยาหอมองค์กรส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฯ มีสิทธิ์ลุ้นผล ก.ย

วันนี้ (30 มี.ค.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติ ได้มีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ เรื่อง การมอบหมายอำนาจในการเปรียบเทียบความผิด พ.ศ.... ตามมาตรา ๘๔ โดยในเขตกรุงเทพมหานคร มอบให้ผู้อำนวยการและนักวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ และในเขตจังหวัดอื่นให้วัฒนธรรมจังหวัด หรือนักวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงให้กำหนดอำนาจและขั้นตอนในการเปรียบเทียบตามร่างระเบียบที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปรียบเทียบความผิด พ.ศ.... ในส่วนของร่างประกาศคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการขออนุญาต และการอนุญาตสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ....ตามมาตรา 20 และเรื่อง แจ้งการใช้บริการตามกระบวนการหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร พ.ศ...ตามมาตรา 22 ซึ่งคณะกรรมการเห็นชอบในหลักการ โดยให้ปรับปรุงและเพิ่มเติมถ้อยคำให้สมบรูณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์

“ระเบียบตามพระราชบัญญัตินี้จะช่วยในการส่งเสริมงานอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากกว่าควบคุม ถึงแม้ว่าจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ แต่หากดูตามเจตนารมณ์อย่างถ่องแท้ จะเห็นว่าพระราชบัญญัตินี้มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาพยนตร์ไทยสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างดี โดยเฉพาะการให้อนุญาตให้ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตในประเทศไทย ซึ่งก่อนถ่ายทำจะต้องมีการตรวจบทภาพยนตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และต้องมีเจ้าหน้าที่คอยกำกับดูแลมิให้ถ่ายทำผิดไปจากบท ซึ่งหากมีขั้นตอนการอนุญาตและการถ่ายทำที่ยุ่งยากก็จะทำให้ผู้ประกอบการย้ายถ่ายทำที่อื่น จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เนื่องจากจะนำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล และสามารถกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนมากถึง 1,100 ล้านบาทต่อปี”

ด้าน นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ วธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ให้การส่งเสริมสนับสนุน และอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนในการสร้างภาพยนตร์ มากกว่าการขัดขวาง และควบคุม และควรจะให้ภาคเอกชน บริหารจัดการและเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนเป็นหลัก เพราะ จะเข้าใจ และดูแลงานภาพยนตร์ ได้ดีกว่าภาครัฐ ส่วนวธ.ก็สามารถเก็บภาษีจากเอกชนมาสร้างรายได้ให้กับประเทศได้

อย่างไรก็ตาม การเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เป็นองค์การมหาชนนั้น คงต้อรอจนถึงเดือน กันยายน เนื่องจาก ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในระหว่างการคุมกำเนิดองค์การมหาชน และเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อพิจารณายุบองค์การมหาชน ที่ไม่มีผลงาน ประมาณ 2-5 องค์กร จาก 25 องค์กร ที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยมีตนเป็นประธาน อย่างไรก็ตาม การเสนอให้องค์กรส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวิดีทัศน์ เป็นองค์การมหาชน ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ หากมีการ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ สนับสนุน และสามารถสอดแทรกเข้ามาแทนหน่วยงานที่ถูกยุบไป
กำลังโหลดความคิดเห็น