ครม.อนุมัติโยกข้าราชการระดับ 10 วธ.ไม่พลิก! เด้ง “ปรีชา” เข้ากรุ “อารักษ์-ฉวีรัตน์” ขึ้นแท่นนั่งกรม “วีระ” เผย ทุกตำแหน่งมีความเหมาะสมแล้ว
วันนี้ (24 ก.พ.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ตามเสนอ ดังนี้ 1.นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร รองปลัด วธ. เป็น เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) 2.นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการ กวช.เป็น ผู้ตรวจราชการ วธ. 3.นายอารักษ์ สังหิตกุล หัวหน้าผู้ตรวจราชการ วธ.เป็น ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) และ 4.ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ผอ.สศร. เป็น รองปลัด วธ.นอกจากนี้ ตนยังเห็นชอบแต่งตั้ง นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการ วธ.ด้วย
“การโยกย้ายครั้งนี้ ผมคิดว่า มีความเหมาะสม โดยเฉพาะตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ซึ่งต้องอาศัยบุคคลที่มีศักยภาพเข้ามาบริหาร เนื่องจากงานของร่วมสมัยสามารถเข้ามาร่วมแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจได้ โดยนำเนื้องานมาต่อยอดงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ เช่น งานศิลปะ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน กรมนี้ยังต้องดูแลการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ.2551 ด้วย จึงเป็นกรมที่มีภารกิจที่มากและมีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากรมอื่นๆ ส่วนการที่โยก นางฉวีรัตน์ ไปเป็นเลขาธิการ กวช.นั้น ผมคิดว่า สามารถสานต่อโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนได้ เพราะเป็นบุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับการประสานงานกับชุมชนมาโดยตลอด”ปลัด วธ.กล่าว
ขณะที่ นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะว่าที่เลขาธิการ กวช. กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจะเน้นโครงการวัฒนธรรมสายใยชุมชน ดังนั้นตนก็จะสานงานต่อทางด้านโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน พร้อมทั้งจะต้องประสานเครือข่ายซึ่งเป็นภาคประชาชนและชุมชนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากโครงการดังกล่าวการบริหารงานจะต้องมาจากท้องถิ่นไม่ใช่มาจากส่วนราชการซึ่ง สวช. จะทำหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนให้ท้องถิ่นสามารถสานต่องานให้เกิดประโยชน์และเป็นรูปธรรมกับชุมชนมากที่สุด อย่างไรก็ตามตนคิดว่าจะต้องทำงานให้ดีที่สุดตามที่ได้รับความไว้วางใจจากปลัดวธ.
ด้าน นายอารักษ์ สังหิตกุล หัวหน้าผู้ตรวจราชการ วธ. กล่าวในฐานะว่าที่ผอ.สศร.ว่า เมื่อได้รับมอบหมายงานให้ดูแลงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ งานร่วมสมัยถือเป็นงานศิลปะรูปแบบใหม่ เมื่อเทียบกับงานที่ตนเคยคลุกคลีอยู่กับศิลปะแบบเก่าที่กรมศิลปากรแล้วน่าจะมีความแตกต่างกัน แต่หลักบริหารคนและงานไม่ต่างกัน สามารถใช้ร่วมกันได้ จึงไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด
ในส่วนของความคาดหวังให้งานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศนั้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่สำคัญคือองค์ประกอบ เช่น นโยบายรัฐบาล ความพร้อมประชาชน และศิลปินผู้เป็นเจ้าของจะเปิดกว้างหรือไม่ ส่วนเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทยนั้น แนวทางที่ตนจะเข้ามาทำงานจะหาแนวทางให้ภาครัฐมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้มากยิ่งขึ้น เช่น ตั้งกองทุนช่วยเหลือ หาจุดอ่อน จุดแข็งแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีการศึกษาถึงค่านิยมของคนไทยในการดูภาพยนตร์ด้วยถึงจะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างตรงเป้าหมาย
