ปลัด กทม.เปิดผลสอบซานติก้าผับ เผย คกก.มีความเห็น 3 ข้าราชการทำผิดวินัยร้ายแรง ขณะที่อดีต ผอ.เขต-หัวหน้าฝ่ายโยธาฯ โดนแค่ผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง เตรียมส่งเรื่องผู้ว่าฯ กทม.รับทราบ พร้อมให้กองการเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสำนวนข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งก่อนตัดสินใจเชือด
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารซานติก้า ผับ ว่า กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจำนวน 2 คณะ โดยคณะแรกเป็นชุดของนายชาตินัย เนาวภูติ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) เป็นประธานตรวจสอบด้านโยธา ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรมร่วมเป็นกรรมการ และชุดที่สอง คือ คณะตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักการคลัง เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของซานติก้า ผับ ซึ่งขณะนี้ตนได้รับรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นดังนี้
ประเด็นที่ 1 ผลการตรวจสอบการดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพบว่ามีนายตรวจอาคาร หัวหน้ากลุ่มงานอาคาร และหัวหน้าฝ่ายโยธา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในขณะนั้นมีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการตามหน้าที่ให้ครบถ้วน ทางคณะกรรมการจึงเสนอให้ตรวจสอบวินัยร้ายแรงทั้ง 3 ราย ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของเขตวัฒนาในขณะนั้นและเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาที่ทำแบบแปลนอาคารซานติก้า ผับหาย รวม 2 รายทางคณะกรรมการ เห็นว่า มีความผิดทางวินัยแต่ไม่ร้ายแรง
ประเด็นที่ 2 การออกใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งเป็นหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับใบอนุญาตการขายอาหาร เครื่องดื่ม โดยผลการสอบสวนขั้นต้น เห็นว่า มีความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติสถานบริการกับการใช้อำนาจในเรื่องของกฎหมายสิ่งแวดล้อมซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการเห็นควรที่จะได้มีการทบทวนแนวทางปฏิบัติทางเรื่องข้อกฎหมายให้ชัดเจน
ประเด็นที่ 3 เกี่ยวกับทะเบียน การออกเลขหมายประจำบ้าน ผลการสอบข้อเท็จจริงชั้นต้นเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยถูกต้องจึงไม่มีความเห็นเรื่องทางวินัย
ประเด็นที่ 4 การจัดเก็บภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน และภาษีป้ายซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายรายได้ซึ่งผลสอบของคณะกรรมการชุดนายชาตินัย เห็นว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว และขณะนี้บริษัทได้ชำระค่าภาษีเป็นที่เรียบร้อยถูกต้องแต่อาจจะมีความล่าช้าอยู่บ้าง ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการสำนักการคลังที่ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยไว้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่แล้วกรณีเสียภาษีจึงเป็นที่ยุติเพราะมีการเสียภาษีเรียบร้อยแต่อาจจะมีความล่าช้าในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งตนได้สั่งให้สำนักการคลังไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพราะเป็นการเร่งรัดหลังจากเกิดเหตุทั้งที่จริงควรจะเร่งรัดให้เร็วกว่านี้
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรื่องทั้งหมดยังอยู่ที่ นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัด กทม.ซึ่งรักษาราชการแทน นายสมศักดิ์ กลั่นพจน์ รองปลัด กทม.ที่กำกับดูแลสำนักการโยธา ซึ่งอยู่ระหว่างลาพักร้อน ซึ่งทางรองปลัดฯ นินนาท จะเสนอมาให้ตนอย่างครบถ้วนในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปจากนี้ ตนจะรายงานเรื่องดังกล่าวให้ผู้ว่าฯ กทม.รับทราบ พร้อมกับจะส่งเรื่องให้กองการเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสำนวนข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าข้อมูลข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการได้มาเพียงพอต่อการดำเนินการตามวินัยตามความเห็นหรือไม่ หากเพียงพอกองการเจ้าหน้าที่ก็จะเสนอความเห็นขึ้นมา หากไม่เพียงพอจะต้องสอบเพิ่มเติมหรือควรจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากไปกว่าผู้ที่ระบุมาในสำนวนนี้ก็จะได้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
