“วิทยา” กำชับเบิกจ่ายงบปรับปรุงต่อเติมชั้นล่างสถานีอนามัย 2,609 แห่งทั่วประเทศ 1 พันล้านบาท ต้องรวดเร็ว ทันเวลา โปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบราชการ ย้ำกระจายงานให้มีหลายสัญญาจ้าง อย่าใช้บริษัทเดียวทำงาน ร่งเบิกกใช้งบภายใน ก.ย.ชักช้าถือว่าหย่อนประสิทธิภาพการทำงาน ชี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้บริการ อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้พิการ
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานปรับปรุงสถานีอนามัยแก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป และเจ้าหน้าที่พัสดุ ของสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 390 คน เพื่อให้การดำเนินงานเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแนวทางและเจตนารมณ์ของรัฐบาล
นายวิทยากล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โดยจัดสรรงบประมาณไว้ 1 แสนล้านบาทเศษ ในการดำเนินงานต้องการให้มีการกระจายงบประมาณลงถึงหน่วยย่อยที่สุด และให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด โดยต้องปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ทันเวลา และถูกต้องตามระเบียบด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้ได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 1,095 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงสถานีอนามัย จำนวน 2,609 แห่ง ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้นใต้ถุนโล่ง โดยต่อเติมชั้นล่างให้มีพื้นที่ให้บริการประชาชนเพิ่มขึ้น เอื้อต่อผู้สูงอายุและผู้พิการให้ได้รับบริการที่สะดวกและปลอดภัย
“ทั่วประเทศมีสถานีอนามัยกว่า 9 พันแห่ง กระจายอยู่ทั้ง 75 จังหวัด บางแห่งจำเป็นต้องปรับปรุงซ่อมแซม หรือสร้างใหม่ โดยเบื้องต้นรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงต่อเติมชั้นล่าง 2,609 แห่ง แต่ไม่อยากเห็นการจ้างงานที่มีเพียงบริษัทเดียวหรือสัญญาเดียวทำทั้งจังหวัดแต่ให้กระจายไปยังผู้ประกอบการหลายราย ภาคประชาชนมีรายได้จากการก่อสร้าง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายและงานเสร็จเร็วทันท่วงที และให้แต่ละจังหวัดมีการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน แต่หากดำเนินการช้ากว่านี้ ถือว่าหย่อนประสิทธิภาพการทำงาน”นายวิทยากล่าว
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้เป็นการชี้แจงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบระดับจังหวัด ให้เข้าใจและมีแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างและเบิกจ่ายงบประมาณไปในทิศทางเดียวกัน โดยมอบนโยบายให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่รวดเร็ว โปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบพัสดุ และกระจายลงส่วนภูมิภาคมากที่สุด ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขจะนำประเด็นที่เป็นปัญหาในจังหวัด เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน ตามที่นายแพทย์สาธารณสุขสอบถาม ไปหารือกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เข้าใจตรงกันและถือเป็นแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณหลังจากที่มีการโอนงวดเงินไปจังหวัดต่างๆ ภายใน 10 วันหลังจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ จังหวัดจะต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและลงนามสัญญาภายในวันที่ 6 พ.ค. และดำเนินการปรับปรุงสถานีอนามัย ตามแบบไม่เกิน 120 วัน โดยส่วนกลางจะกำกับติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานทุกสัปดาห์และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการต่อผู้บริหารทุกวันจันทร์ ทั้งนี้ จังหวัดที่ได้รับงบประมาณปรับปรุงต่อเติมชั้นล่างสถานีอนามัยสูงสุด 5 จังหวัดแรก คือ นครศรีธรรมราช 107 แห่ง พระนครศรีอยุธยา 89 แห่ง สุพรรณบุรี 82 แห่ง นครราชสีมา 81 แห่ง และพัทลุง, สุรินทร์ 78 แห่ง
