เสนอปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ลดช่องว่างทางการศึกษาระหว่างผู้เรียนในเมืองกันชนบท ปลูกฝังนิสัยใฝ่รู้ให้เด็ก แนะไม่ควรให้ความสำคัญเฉพาะการศึกษาในระบบเท่านั้น การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยก็ควรให้ความสำคัญด้วย
นายนพพร สุวรรณรุจิ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า จากการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษารอบสอง เรื่อง “ปฏิรูปประเทศไทย เริ่มด้วยร่วมใจปฏิรูปการศึกษา” ที่ จังหวัดขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงความเห็นอย่างล้นหลาม โดยประเด็นหลักที่มีการพูดกันมาก คือ เรื่องการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยควรเร่งปลูกฝังนิสัยใฝ่รู้ และลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนในเมืองกันชนบท ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้คงต้องดูไปถึงเรื่องของหลักสูตร และคำนึงถึงความต้องการของชุมชนด้วย
รองเลขาการ สกศ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องครูถือเป็นประเด็นที่มีการอภิปรายกันมากใน 2 เวทีที่ผ่านมา และเวทีนี้ก็เช่นกันที่มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า คุณภาพของเด็กจะดีได้อยู่ที่ครูต้องดีด้วย เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ต้องร่วมกันพัฒนาศักยภาพของครูให้ครูเป็นครูที่ดี อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องต้องปลดออกจากครู แล้วหาคนมาทำแทน เช่น งานธุรการ นอกจากนี้ เรื่องขวัญกำลังใจของครู โดยเฉพาะเรื่องวิทยฐานะก็มีการเสนอว่าจะต้องปรับปรุงวิธีการประเมิน เพราะการประเมินที่เป็นอยู่ทำให้ครูมีภาระ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนและขวัญกำลังใจอย่างมาก
นายนพพร กล่าวว่า ส่วนเรื่องการบริหารจัดการ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าการปฏิรูปรอบสอง จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษาด้วย จะมองแต่เรื่องการปรับโครงสร้างอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้ร่วมกันสร้างสถานศึกษาที่มีคุณภาพด้วย นอกจากนี้ ประเด็นที่พูดกันมาสำหรับเวทีนี้ คือ ถึงเวลาที่ต้องส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ควรมุ่งแต่การศึกษาในระบบเท่านั้น แต่จะต้องมุ่งไปที่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มากขึ้น โดยถึงขั้นมีผู้เสนอให้มีการตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุด้วย เพราะทุกวันนี้จำนวนผู้สูงอายุบ้านเรามีมากขึ้น ซึ่งก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลา
นายนพพร สุวรรณรุจิ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า จากการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษารอบสอง เรื่อง “ปฏิรูปประเทศไทย เริ่มด้วยร่วมใจปฏิรูปการศึกษา” ที่ จังหวัดขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงความเห็นอย่างล้นหลาม โดยประเด็นหลักที่มีการพูดกันมาก คือ เรื่องการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยควรเร่งปลูกฝังนิสัยใฝ่รู้ และลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนในเมืองกันชนบท ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้คงต้องดูไปถึงเรื่องของหลักสูตร และคำนึงถึงความต้องการของชุมชนด้วย
รองเลขาการ สกศ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องครูถือเป็นประเด็นที่มีการอภิปรายกันมากใน 2 เวทีที่ผ่านมา และเวทีนี้ก็เช่นกันที่มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า คุณภาพของเด็กจะดีได้อยู่ที่ครูต้องดีด้วย เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ต้องร่วมกันพัฒนาศักยภาพของครูให้ครูเป็นครูที่ดี อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องต้องปลดออกจากครู แล้วหาคนมาทำแทน เช่น งานธุรการ นอกจากนี้ เรื่องขวัญกำลังใจของครู โดยเฉพาะเรื่องวิทยฐานะก็มีการเสนอว่าจะต้องปรับปรุงวิธีการประเมิน เพราะการประเมินที่เป็นอยู่ทำให้ครูมีภาระ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนและขวัญกำลังใจอย่างมาก
นายนพพร กล่าวว่า ส่วนเรื่องการบริหารจัดการ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าการปฏิรูปรอบสอง จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษาด้วย จะมองแต่เรื่องการปรับโครงสร้างอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้ร่วมกันสร้างสถานศึกษาที่มีคุณภาพด้วย นอกจากนี้ ประเด็นที่พูดกันมาสำหรับเวทีนี้ คือ ถึงเวลาที่ต้องส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ควรมุ่งแต่การศึกษาในระบบเท่านั้น แต่จะต้องมุ่งไปที่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มากขึ้น โดยถึงขั้นมีผู้เสนอให้มีการตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุด้วย เพราะทุกวันนี้จำนวนผู้สูงอายุบ้านเรามีมากขึ้น ซึ่งก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลา
