“มานิต” สั่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาชุดทดสอบนมอย่างง่ายแจกจ่ายโรงเรียน หลังผลตรวจระบุไม่ได้ ว่า เป็นนมโคแท้หรือนมผงผสมน้ำ ยืนยันได้แค่มีสารอาหารตามมาตรฐาน อย.หรือไม่ ขณะที่ อย.มั่นใจ 20 ก.พ.นี้รู้ผล เบื้องต้นระบุนมไม่บูด
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการตรวจวิเคราะห์นมโรงเรียนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นการตรวจว่า นมมีคุณภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่เท่านั้น จึงไม่สามารถตรวจได้ว่าเป็นนมโคแท้ หรือนมผงผสมน้ำ เนื่องจากนมผงเมื่อนำมาผสมน้ำค่าสารอาหารยังอยู่ครบตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไปคิดค้นชุดทดสอบนมอย่างง่ายที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ทดสอบได้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับชุดทดสอบน้ำมันทอดซ้ำ เพื่อส่งให้กับโรงเรียนต่างๆ ใช้ทดสอบได้ด้วยตนเองว่านมได้มาตรฐานหรือไม่
ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับตัวอย่างนมโรงเรียนจาก อย.เพียง 1 ถุง จึงสามารถตรวจได้เพียงว่านมมีคุณภาพตามมาตรฐานของ อย.หรือไม่เท่านั้น ส่วนการตรวจหาการปนเปื้อนของแบคทีเรียต้องใช้ตัวอย่างนมที่มากเพราะต้องเพาะเชื้อ จึงต้องรอผลตรวจสอบแบคทีเรียจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สุราษฎร์ธานี
“ในการตรวจวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างนมโคแท้กับนมผงผสมน้ำ ในต่างประเทศตรวจจากสารฟูโลซีน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นตัวบ่งชี้ลักษณะของนมโค และจะเปลี่ยนสถานะเมื่อได้รับความร้อน แต่เนื่องจากอุณหภูมิของประเทศไทยร้อนกว่าในต่างประเทศ การตรวจหาโปรตีนชนิดนี้อาจทำได้ยาก อีกทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน จึงยังไม่เคยมีการตรวจสอบนมโคแท้และนมผงผสมน้ำ หากจะตรวจสอบความแตกต่างนมทั้ง 2 แบบ กรมจำเป็นต้องใช้เวลาในการหาวิธีที่เหมาะสมในการตรวจสอบ”นพ.มานิต กล่าว
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลการตรวจสอบนมโรงเรียน คาดว่า จะทราบผลในเช้าวันที่ 20 ก.พ.นี้ และทาง อย.จะนำส่งให้กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ โดยผลที่ได้จากการตรวจสอบจะเป็นในลักษณะคุณภาพของนม ว่า มีปริมาณโปรตีน ไขมัน ต่อน้ำหนัก ที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า นมดังกล่าวไม่บูดเน่าส่วนการบริโภคนมในเด็กควรมีการกำหนดให้บริโภควันละ 1-2 แก้ว หรือ 250 -500 ซีซีต่อวัน และหากได้รับนมที่มีคุณภาพทั้งในส่วนของโปรตีนและไขมันก็เท่ากับการบริโภคน้ำเปล่า
ขณะที่ นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า ได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมปศุสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตนมโรงเรียนทั้ง 68 แห่งทั่วประเทศ เพื่อดูคุณภาพและมาตรฐาน สำหรับนมโรงเรียนที่พบส่วนใหญ่แบ่งเป็นนม พาสเจอร์ไรซ์ และนมยูเอชที ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของนมพาสเจอร์ไรซ์นั้น จะต้องมีโปรตีนในนมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 2.8 ของน้ำหนัก เนื้อนมไม่รวมมันเนย ร้อยละ 8.25 ของน้ำหนัก มันเนยไม่น้อยกว่า ร้อยละ 3.2 ของน้ำหนักส่วนล่างของฟอร์ม
อนึ่ง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 265 พ.ศ.2545 เรื่องนมโค กำหนดว่า นมพาสเจอร์ไรซ์ จะต้องไม่มีน้ำนมน้ำเหลืองเจือปน ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารที่อาจเป็นพิษ เช่น สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง ไม่มีวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล มีโปรตีนนมไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.8 ของน้ำหนัก ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค และตรวจไม่พบแบคทีเรียชนิดอีโคไล และชนิดโคลิฟอร์ม เป็นต้น
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการตรวจวิเคราะห์นมโรงเรียนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นการตรวจว่า นมมีคุณภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่เท่านั้น จึงไม่สามารถตรวจได้ว่าเป็นนมโคแท้ หรือนมผงผสมน้ำ เนื่องจากนมผงเมื่อนำมาผสมน้ำค่าสารอาหารยังอยู่ครบตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไปคิดค้นชุดทดสอบนมอย่างง่ายที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ทดสอบได้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับชุดทดสอบน้ำมันทอดซ้ำ เพื่อส่งให้กับโรงเรียนต่างๆ ใช้ทดสอบได้ด้วยตนเองว่านมได้มาตรฐานหรือไม่
ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับตัวอย่างนมโรงเรียนจาก อย.เพียง 1 ถุง จึงสามารถตรวจได้เพียงว่านมมีคุณภาพตามมาตรฐานของ อย.หรือไม่เท่านั้น ส่วนการตรวจหาการปนเปื้อนของแบคทีเรียต้องใช้ตัวอย่างนมที่มากเพราะต้องเพาะเชื้อ จึงต้องรอผลตรวจสอบแบคทีเรียจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สุราษฎร์ธานี
“ในการตรวจวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างนมโคแท้กับนมผงผสมน้ำ ในต่างประเทศตรวจจากสารฟูโลซีน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นตัวบ่งชี้ลักษณะของนมโค และจะเปลี่ยนสถานะเมื่อได้รับความร้อน แต่เนื่องจากอุณหภูมิของประเทศไทยร้อนกว่าในต่างประเทศ การตรวจหาโปรตีนชนิดนี้อาจทำได้ยาก อีกทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน จึงยังไม่เคยมีการตรวจสอบนมโคแท้และนมผงผสมน้ำ หากจะตรวจสอบความแตกต่างนมทั้ง 2 แบบ กรมจำเป็นต้องใช้เวลาในการหาวิธีที่เหมาะสมในการตรวจสอบ”นพ.มานิต กล่าว
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลการตรวจสอบนมโรงเรียน คาดว่า จะทราบผลในเช้าวันที่ 20 ก.พ.นี้ และทาง อย.จะนำส่งให้กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ โดยผลที่ได้จากการตรวจสอบจะเป็นในลักษณะคุณภาพของนม ว่า มีปริมาณโปรตีน ไขมัน ต่อน้ำหนัก ที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า นมดังกล่าวไม่บูดเน่าส่วนการบริโภคนมในเด็กควรมีการกำหนดให้บริโภควันละ 1-2 แก้ว หรือ 250 -500 ซีซีต่อวัน และหากได้รับนมที่มีคุณภาพทั้งในส่วนของโปรตีนและไขมันก็เท่ากับการบริโภคน้ำเปล่า
ขณะที่ นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า ได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมปศุสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตนมโรงเรียนทั้ง 68 แห่งทั่วประเทศ เพื่อดูคุณภาพและมาตรฐาน สำหรับนมโรงเรียนที่พบส่วนใหญ่แบ่งเป็นนม พาสเจอร์ไรซ์ และนมยูเอชที ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของนมพาสเจอร์ไรซ์นั้น จะต้องมีโปรตีนในนมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 2.8 ของน้ำหนัก เนื้อนมไม่รวมมันเนย ร้อยละ 8.25 ของน้ำหนัก มันเนยไม่น้อยกว่า ร้อยละ 3.2 ของน้ำหนักส่วนล่างของฟอร์ม
อนึ่ง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 265 พ.ศ.2545 เรื่องนมโค กำหนดว่า นมพาสเจอร์ไรซ์ จะต้องไม่มีน้ำนมน้ำเหลืองเจือปน ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารที่อาจเป็นพิษ เช่น สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง ไม่มีวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล มีโปรตีนนมไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.8 ของน้ำหนัก ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค และตรวจไม่พบแบคทีเรียชนิดอีโคไล และชนิดโคลิฟอร์ม เป็นต้น
