เมียเจ้าชายนิทราร้อง รมช.สธ.ขอความเป็นธรรมกรณี รพ.กรุงไทย รักษาสามีจากอาการปวดท้อง พยาบาลฉีดยาจนช็อก ทำขาดออกซิเจนจนเป็นเจ้าชายนิทรา “มานิต” สั่ง ตั้ง กก.สอบหาข้อเท็จจริง ส่งเรื่องเข้าแพทยสภา ดึงอาจารย์แพทย์มาร่วมให้ความเห็น
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่า จัง นำ นางศิรนรัตน์ เทียมประเสริฐ ภรรยาของ ร.ต.นครินทร์ พรายมี ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ ที่รักษาตัวเนื่องจากอาการปวดท้องฉับพลันที่ โรงพยาบาลกรุงไทย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. จนเข้ารักษาตัวเป็นคนไข้ในเมื่อวันที่ 19 ม.ค. จนท้ายสุดเกิดอาการช็อคและเป็นเจ้าชายนิทราในที่สุด โดยมายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข
โดย นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่มีหน้าที่ดูสถานพยาบาลเอกชนเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ขั้นตอนการรักษา รวมถึงให้อาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆมาร่วมวินิจฉัยอาการดังกล่าวว่าจะรักษาได้มากน้อยเพียงใด
“พร้อมกันนี้ส่งเรื่องดังกล่าวให้แพทยสภาตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากมีราชวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่มีการระบุว่า มีส.ส.และส.ว.เป็นผู้ถือหุ้นโรงพยาบาล เพราะสามารถเช็คได้ทันที อีกทั้งก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะผู้ถือหุ้นคงไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้หากสถานพยาบาลแห่งใดกระทำผิด ไม่ว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นก็ไม่เกี่ยว”นายมานิต กล่าว
นางศิรนรัตน์ ภรรยาของ ร.ต.นครินทร์ กล่าวพร้อมน้ำตานองหน้าว่า เหตุที่มาเลือกโรงพยาบาลนี้ เพราะเห็นว่าใกล้บ้าน และเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่คาดว่าจะได้รับการบริการที่ดี ดูแลอย่างดี และแม้ว่าจะมีสิทธิสวัสดิการข้าราชการแต่ก็เลือกที่จะจ่ายเงินเอง เพราะต้องการได้บริการที่ดี แต่กลับเป็นเช่นนี้ จนถึงขณะนี้ไม่เคยได้รับการแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากโรงพยาบาลกรุงไทยเลย แม้ว่าจะขอย้ายตัวออกจากโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าจะต้องจ่ายเงิน 7.5 หมื่นบาทก่อนถึงจะสามารถออกไปได้
“ช่วงเย็นของวันที่ 19 ม.ค. สามีมีอาการช็อก เพราะได้รับยาทางเส้นเลือดแต่พยาบาลก็นำยาอีกชนิดมาฉีดให้ ระหว่างที่รอแพทย์มาก็ไม่มีการกระทำใดๆ หรือแม้แต่ปั๊มหัวใจ ซึ่งทำให้คนไข้ขาดออกซิเจนไปนานกว่า 10 นาทีจนเป็นเจ้าชายนิทราจนทุกวันนี้ ซึ่งการเข้าโรงพยาบาลหวังว่าได้รับการบริการที่ดี หากไปอยู่ข้างถนนช็อคไม่ได้รับออกซิเจนก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องนี้เกิดในโรงพยาบาล ทุกวันนี้มีลูกอีก 2 คน สามีก็กำลังจะขึ้นซี 8 ก้าวหน้าทางอาชีพ เพราะอายุเพียง 36 ปีเท่านั้น แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ดิฉันกับลูกจะอยู่ต่อไปอย่างไร จึงอยากขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วย”นางศิรนรัตน์ กล่าว