คณะอนุกรรมการสรุปผลสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีผ่าตัดผิดที่ หมอคลินิกขริบจู๋ผิดโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนพยาบาลส่งแพทยสภาพิจารณาผิด พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่ เตรียมส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมส่งเรื่องให้แพทยสภาและสภาการพยาบาลพิจารณาความผิดด้านจริยธรรม ขณะที่การเจราจาระหว่างเจ้าของคลินิกกับญาติเด็กไม่มีปัญหา คลินิกจ่ายค่าชดเชยเยียวยาจิตใจ-ดูแลสุขภาพจนโต
นพ.ปัญญา กีรติหัตถยากร ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กรณีผ่าตัดรักษาผิดที่จากผ่าฝีที่ปากเป็นขริบอวัยวะเพศนั้น กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 เจ้าของสถานประกอบการถือว่ามีความผิดตามมาตรา 34(1) ผู้ดำเนินการ หรือแพทย์ต้องควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ประกอบวิชาชีพผิดไปจากสาขา ชั้น หรือแผน ที่ผู้รับอนุญาตได้แจ้งไว้ในการขอรับใบอนุญาต หรือมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ซึ่งกรณีดังกล่าวพบว่า แพทย์ให้พยาบาลเป็นผู้ดำเนินการผ่าตัด ถือว่ามีความผิดฐานไม่ควบคุมดูแล มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“นอกจากนี้ ได้ส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาลงความเห็นว่า พยาบาลรายดังกล่าว ถือว่ามีความผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ มาตรา 26 ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยต้องรอผลการตรวจสอบจากแพทยสภาก่อน รวมทั้งจะส่งผลสรุปให้สภาการพยาบาลพิจารณาด้านจริยธรรมวิชาชีพด้วย” นพ.ปัญญา กล่าว
นพ.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการสถานพยาบาล ที่มี นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์เป็นประธาน เพื่อพิจารณาหากมีความเห็นตามคณะอนุกรรมการ จึงจะดำเนินการนำเรื่องส่งฟ้องไปยังศาล ซึ่งการลงโทษตามกฎหมายมีความรุนแรงหรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนสถานพยาบาลสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต อีกทั้งจากการตรวจสอบเครื่องมือ และการรักษาพยาบาลไม่ผิดมาตรฐาน เพียงแต่ไม่มีผู้ควบคุมในขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
ด้าน นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียหาย ทางคลินิกจะให้การดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งแผลหายดี ทั้งรอยแผลผ่าตัดที่ปาก และแผลที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยจะดูแลไปจนกระทั่งเด็กโตเป็นหนุ่มอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาชดเชยทางด้านคุณธรรมตามความเหมาะสมต่อไป
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หากนางรัตนาภรณ์ มนัสชื้น มารดาของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) วัย 12 ขวบ จ.สมุทรปราการ ซึ่งบุตรชายประสงค์จะรักษาแผลที่ปากแต่กลับถูกขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศแทน เห็นว่า น้องเอ เป็นปมด้อย เพราะถูกเพื่อนๆ ล้อในเรื่องดังกล่าวจนเป็นปัญหาสุขภาพจิตมากหรือน้อย ซึ่งต้องการได้รับความช่วยเหลือ ทางกรมสุขภาพจิตยินดีที่จะช่วยเหลือ โดยที่ จ.สมุทรปราการ มีโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ที่มีจิตแพทย์ด้านวัยรุ่น
“ยิ่งเป็นผลกระทบที่ได้รับกับอวัยวะสำคัญ ย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยไม่พบหน้า อาย ฯลฯจึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน อาการเหล่านี้จะหายไป แต่หากต้องการปรับตัวให้เร็วขึ้นหรือปรับตัวไม่ได้ หากต้องการใช้บริการทางการแพทย์ให้คำแนะนำเพื่อให้ปรับตัวเร็วขึ้นก็สามารถมารับบริการได้ทันที”นพ.วชิระ กล่าว
นพ.ปัญญา กีรติหัตถยากร ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กรณีผ่าตัดรักษาผิดที่จากผ่าฝีที่ปากเป็นขริบอวัยวะเพศนั้น กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 เจ้าของสถานประกอบการถือว่ามีความผิดตามมาตรา 34(1) ผู้ดำเนินการ หรือแพทย์ต้องควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ประกอบวิชาชีพผิดไปจากสาขา ชั้น หรือแผน ที่ผู้รับอนุญาตได้แจ้งไว้ในการขอรับใบอนุญาต หรือมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ซึ่งกรณีดังกล่าวพบว่า แพทย์ให้พยาบาลเป็นผู้ดำเนินการผ่าตัด ถือว่ามีความผิดฐานไม่ควบคุมดูแล มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“นอกจากนี้ ได้ส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาลงความเห็นว่า พยาบาลรายดังกล่าว ถือว่ามีความผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ มาตรา 26 ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยต้องรอผลการตรวจสอบจากแพทยสภาก่อน รวมทั้งจะส่งผลสรุปให้สภาการพยาบาลพิจารณาด้านจริยธรรมวิชาชีพด้วย” นพ.ปัญญา กล่าว
นพ.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการสถานพยาบาล ที่มี นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์เป็นประธาน เพื่อพิจารณาหากมีความเห็นตามคณะอนุกรรมการ จึงจะดำเนินการนำเรื่องส่งฟ้องไปยังศาล ซึ่งการลงโทษตามกฎหมายมีความรุนแรงหรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนสถานพยาบาลสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต อีกทั้งจากการตรวจสอบเครื่องมือ และการรักษาพยาบาลไม่ผิดมาตรฐาน เพียงแต่ไม่มีผู้ควบคุมในขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
ด้าน นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียหาย ทางคลินิกจะให้การดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งแผลหายดี ทั้งรอยแผลผ่าตัดที่ปาก และแผลที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยจะดูแลไปจนกระทั่งเด็กโตเป็นหนุ่มอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาชดเชยทางด้านคุณธรรมตามความเหมาะสมต่อไป
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หากนางรัตนาภรณ์ มนัสชื้น มารดาของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) วัย 12 ขวบ จ.สมุทรปราการ ซึ่งบุตรชายประสงค์จะรักษาแผลที่ปากแต่กลับถูกขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศแทน เห็นว่า น้องเอ เป็นปมด้อย เพราะถูกเพื่อนๆ ล้อในเรื่องดังกล่าวจนเป็นปัญหาสุขภาพจิตมากหรือน้อย ซึ่งต้องการได้รับความช่วยเหลือ ทางกรมสุขภาพจิตยินดีที่จะช่วยเหลือ โดยที่ จ.สมุทรปราการ มีโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ที่มีจิตแพทย์ด้านวัยรุ่น
“ยิ่งเป็นผลกระทบที่ได้รับกับอวัยวะสำคัญ ย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยไม่พบหน้า อาย ฯลฯจึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน อาการเหล่านี้จะหายไป แต่หากต้องการปรับตัวให้เร็วขึ้นหรือปรับตัวไม่ได้ หากต้องการใช้บริการทางการแพทย์ให้คำแนะนำเพื่อให้ปรับตัวเร็วขึ้นก็สามารถมารับบริการได้ทันที”นพ.วชิระ กล่าว