xs
xsm
sm
md
lg

นร.สายน้ำผึ้งรับพลาดสอบเอเน็ต เหตุจำวันผิด อ้อนขอโอกาสอีกครั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
2 นร.สายน้ำผึ้งรับว่าพลาดเอเน็ตจริง เหตุจำวันผิด แต่ขอโอกาสคืนสิทธิ์หากเป็นไปได้ ด้านผู้ปกครองยันเด็กไม่ลืมแต่สกอ.ประชาสัมพันธ์น้อย เกรงมีกก.หลายส่วนทำเรื่องป่วน ย้ำแค่ขอคืนสิทธิ์ไม่กระทบเด็กอีก 1.9 แสนคน ขณะที่รมช.ศธ.ระบุจะแก้ปัญหาให้กระทบทุกฝ่ายน้อยที่สุด แต่ให้คำตอบแน่ชัดไม่ได้

วันนี้ (9 ก.พ.) ในเวลา 09.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้มีการเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากนักเรียนที่มีปัญหาการสมัครสอบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) เป็นวันที่ 2 บริเวณชั้น 4 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการเข้าร้องเรียนของนักเรียนในช่วงเช้าค่อนข้างเงียบเหงามีนักเรียนมาร้องเรียนบางตา

น.ส.วิสนีย์ ไชยพินิจ นักเรียนโรงเรียนสายน้ำผึ้ง สายศิลป์-คำนวณ ผู้เดินทางมาร้องเรียนตั้งแต่เช้าช่วงเวลาเปิดศูนย์ระบุว่า สาเหตุหลักในการไม่ได้ชำระเงินได้ทันเวลาจนเป็นเหตุให้พลาดที่จะเข้าสอบเอเน็ตนั้น เนื่องจากตนจำวันผิด และกล่าวยอมรับว่าเป็นความผิดของตนไม่ได้เป็นความผิดของกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด

“หนูลืมค่ะ เขาให้สมัครได้ถึง 14 ม.ค. แต่หนูมารู้ตัวอีกทีคือ 15 ซึ่งช้าไปแล้ว ตอนแรกรู้สึกว่าจะบอกแม่ยังไง และก็เพิ่งตัดสินใจบอกเมื่อช้านี้เอง โดยทะเลาะกับแม่ก่อนออกมา แม่ว่าทำไมเราไม่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นความจริงและเสียใจที่เราไม่รับผิดชอบ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองไม่ใช่ความผิดของกระทรวง เพราะหนูไม่ดูให้ดี เขาก็บอกชัดเจนเหมือนกันว่าให้สมัครได้ถึงวันที่เท่าไหร่ หนูให้เพื่อนจัดการให้และหนูก็ไม่ได้ดูเอง”น.ส.วิสนีย์ กล่าวยอมรับ

น.ส.วิสนีย์ กล่าวอีกว่า หากการยื่นคำร้องขอคืนสิทธิ์ในวันนี้ไม่ผ่าน ตนคาดว่าจะสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งอาจจะเรียนต่อ 1 ปีและกลับมาสอบตรงใหม่อีกครั้งในปีการศึกษาหน้า โดยมหาวิทยาลัยที่มองไว้คือ ม.รังสิต

น.ส.ธัญลักษณ์ เตชะโกสิต นักเรียนโรงเรียนสายน้ำผึ้ง สายศิลป์-คำนวณ ซึ่งเดินทางมาร้องเรียนในกรณีเดียวกันคือ เข้าใจวันผิดพลาด ระบุว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ตนป่วยเป็นโรคหัดเยอรมัน และเข้าใจว่ายังมีเวลาสมัครและยื่นชำระเงินได้ถึงวันที่ 12 ก.พ. แต่เมื่อทราบว่าเลยกำหนดเวลาจึงรีบโทรศัพท์ปรึกษาผู้ปกครอง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยอมรับว่า การที่ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ออกมาระบุว่า ความผิดโดยส่วนมากนักเรียนเป็นคนผิดนั้นตนยอมรับว่าเป็นความจริง แต่ก็คาดหวังว่าจะขอโอกาส แต่หากไม่ได้โอกาสก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ สกอ.ตัดสิน ซึ่งขณะนี้ตนได้สมัครสอบตรงที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรีเอาไว้แล้ว หากสอบติดก็จะเรียนให้จบใน 4 ปีโดยไม่คิดสอบแก้ตัวใหม่ในปีหน้า

เมื่อเวลาประมาณ 10.40น.นายชัยวุฒิ บรรณวัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้เดินทางมายังสกอ.เพื่อเข้าหารือกับคณะทำงาน โดยได้เดินไปที่โต๊ะร้องเรียนพูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียนที่กำลังให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอัจฉรา แสงทองยิ่งดี ซึ่งเป็นผู้ปกครองเข้าร้องเรียนท่ามกลางผู้สื่อข่าวที่มุงทำข่าว ผู้ปกครองรายนี้กล่าวว่า ขอความเห็นใจให้เด็กได้เข้าไปสอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะละเลยหรือลืม แต่ที่ไม่ได้มาจัดการให้เรียบร้อยเป็นเพราะไม่รู้ อยากขอความเห็นใจในอนาคตของเด็ก อยากให้คืนสิทธิ์ให้เด็กให้เข้าไปสอบเช่นเดียวกับเด็กอีก 1.9 แสนคน และไม่เข้าใจว่าการคืนสิทธิ์จะกระทบกับเด็กที่ได้เข้าสอบก่อนหน้านี้ 1.9 แสนคนอย่างไรบ้าง

นายชัยวุฒิ กล่าวอย่างใจเย็นว่า อยากให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าการรักษาสิทธิ์ของเด็ก 1.9 แสนคนนั้น หลักใหญ่คือ ต้องดูแลไม่ให้การสอบที่ถูกกำหนดขึ้นแล้ว ได้รับผลกระทบ เช่น อาจต้องเลื่อนเวลาออกไป หากศธ.ไม่คิดถึงมนุษยธรรม และไม่เห็นใจเด็ก ก็คงไม่เปิดศูนย์ร้องเรียนเนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏว่ามีการเปิดศูนย์เช่นนี้ ซึ่งสกอ.เข้าใจว่าการสอบเข้าสถาบันอุดมศึกษาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเยาวชนมาก ซึ่งการพลาดการสมัครในครั้งนี้ ถ้าหากเป็นเพราะเด็กลืม ไม่ทราบเรื่องหรืออะไรก็แล้วแต่ สกอ.จะไม่พูดถึงตรงนั้น แต่หากเกิดขึ้นเนื่องจากระบบการจัดการของสกอ.มีปัญหาก็พร้อมจะหาทางแก้ไข ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่เราจะต้องเปิดศูนย์เพื่อรับข้อมูล

“มหาวิทยาลัยรวมกลุ่มกันเพื่อหามาตรฐานในการคัดเลือกเด็กเข้าศึกษาในมหาลัย เราในฐานะตัวกลาง ต้องดูแล โปร่งใส ซึ่งการคืนสิทธ์ให้เด็กจำเป็นต้องหาวิธีในเชิงปฏิบัติในการจัดสอบของเด็กที่ได้รับการคืนสิทธิ์ให้ได้วันเดียวกับนร.อีก1.9 แสนคนให้ได้ เพราะโดยหลักการแล้ว ไม่สามารถทำก่อนหรือทำหลังได้ ทุกอย่างต้องตรงเพี๊ยะ หากไม่เช่นนั้นก็จะมีการครหาได้ ขณะนี้ผมยังไม่สามารถบอกข้อระบุได้ แต่จำนวนเด็กที่มาร้องเรียนและเหตุผลเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเช่นกัน” รมช.ศึกษาธิการ ระบุ

นางอัจฉรา กล่าวว่า ไม่สบายใจที่ระยะหลังพบว่ามีอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนด้วย

รมช. ศึกษาธิการ กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้คือคณะกรรมการที่พิจารณาการคัดเลือกเด็กเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจาก สกอ.เป็นเพียงตัวกลางเท่านั้น และย้ำว่า ในทางปฏิบัติหลังจากหารือข้อสรุป จะต้องคำนึงว่าไม่รบกวนระบบหลัก 1.9 แสนคนที่ระบุวันสอบออนไลน์ไปแล้ว จากนั้นรมช.ก็ขอตัวไปหารือกับคณะทำงาน

ภายหลังส่งเรื่องร้องเรียน นางอัจฉรา เปิดเผยอย่างมีอารมณ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากกับชีวิตลูก ตนเชื่อว่าลูกคงไม่ได้ละเลย แต่เท่าที่ถามเด็กทราบว่าเพิ่งจะเห็นว่ามีอักษรตัววิ่งในอินเทอร์เน็ตแจ้งว่าให้โอนเงินครั้งแรกในวันที่ 12 ม.ค.โดยไม่ได้ระบุว่ากำหนดสิ้นสุดการจ่ายเงินวันใด ขอยืนยันว่าลูกไม่ได้ลืม แต่ไม่รู้เพราะสกอ.ไม่ได้ประชาสัมพันธ์

“เราไม่ได้เฝ้าหน้าคอมพ์ทั้งวันนะ คุณประชาสัมพันธ์ลงวิทยุ แล้วฟังวิทยุกันไหมละ ทำไมไม่เอาภาษีของเราไปประชาสัมพันธ์ให้รู้เรื่องมากกว่านี้ เอเน็ตเป็นเรื่องใหญ่ เราจะลืมได้เหรอ” นางอัจฉรา กล่าวอย่างมีอารมณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามนางอัจฉราทราบว่า บุตรของนางเรียนอยู่ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี แต่ไม่อาจเปิดเผยชื่อได้ ซึ่งการสมัครนั้นทราบว่าให้เพื่อนสมัครให้และไม่แน่ใจว่าเพื่อนลูกชำระเงินทันหรือไม่แต่คาดว่าน่าจะชำระได้ทัน ประมาณ 16 ม.ค. ลูกโทรถามเพื่อนจึงทราบว่าเลยกำหนดเวลาไปแล้ว

“ตั้งแต่เรารู้เรื่องก็สู้มาตลอด ร้องเรียน ส่งจดหมายไปหลายที่ และตอนนี้เริ่มกังวลเนื่องจากมีหลายฝ่ายเข้ามาพิจารณามากขึ้น สกอ.อาจจะบอกว่ายอม แต่เขาอาจจะบอกว่าทบวงไม่ยอม ก็เลยเป็นแค่ข้ออ้างของเขา ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นไม่เคยให้ลูกมาดำเนินการเลย ตนได้ดำเนินการร้องเรียนเองมาโดยตลอด”

สำหรับความคืบหน้าผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ จะรายงานให้ทราบต่อไป
แฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น