พม. ผยกรอบดำเนินนโยบายเร่งด่วนในการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ระบุผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ 500 บาท ได้ที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง 26 ก.พ.-15 มี.ค. คาดพร้อมจ่ายถึงมือภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พม. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า ข้อสรุปในที่ประชุมได้วางกรอบเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โดยจะเริ่มให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปมาจดทะเบียน เพื่อรับเบี้ยยังชีพคนละ 500 บาท ที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. ทุกจังหวัด หรือสำนักงานเขต ได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม จากนั้นระหว่างวันที่ 15 -31 มีนาคม คณะอนุกรรมการจะสรุปข้อมูลยอดรวมผู้มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพ และค่าดว่าภายในสิ้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปผู้สูงอายุที่อยู่ในเกณฑ์จะได้รับเบี้ยยังชีพตามที่กฎหมายกำหนด
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะกำหนดรูปแบบและช่องทางการจ่ายเบี้ยยังชีพอีกครั้งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเชิญชมรมผู้สูงอายุ สมาคมผู้สูงอายุมาร่วมหารือและรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆด้วย อีกทั้งรัฐบาลได้กำหนดจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 9 เมษายน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยมีนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พม.เป็นประธานอนุกรรมการฯ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นรองประธานฯ รวมทั้ง ปลัดกระทรวงพม. ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากหน่วยราชการอื่น มาร่วมเป็นอนุกรรมการทั้งสิ้น 13 คน
สำหรับปี 2552 ประมาณการผู้สูงอายุทั่วประเทศมีจำนวน 7,440,000 คน เป็นผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพจากกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกทม.แล้วรวม 2,386,101 คน คงเหลือผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ 5,053,899 คน เมื่อหักยอดผู้สูงอายุที่ได้รับบำนาญจากระบบราชการ จำนวน 359,877 คนและผู้ที่คาดว่าไม่ประสงค์รับเบี้ยยังชีพ จำนวน 1,694,022 คน จะคงเหลือผู้สูงอายุที่รัฐจะต้องจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มเติมประมาณ 3 ล้านคน โดยจะจัดสรรจากงบประมาณกลางปี 2552 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเงินในส่วนนี้จำนวน 9 พันล้านบาท ในส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุ 6 ด้าน อาทิ ฐานะทางเศรษฐกิจ อายุ และสุขภาพ เป็นต้น