สปสช.ทบทวนยาใหม่ และราคาแพง 9 รายการ หวังลดภาระค่าใช้จ่ายใน รพ.เผย ปี 52 สปสช.เตรียมงบกว่า 200 ล้านบาท ให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาจำเป็นตามบัญชียาหลักแห่งชาติประเภท จ (2) หลังจากที่ คกก.บัญชียาหลักแห่งชาติได้ปรับปรุงบัญชียาหลัก
นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้ก่อให้เกิดวิธีการรักษาและยาชนิดใหม่ ซึ่งให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าเดิม และเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติได้ทบทวนและปรับปรุงรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและแพทย์ผู้รักษามากขึ้น โดยเพิ่มยาบางตัวไว้ในกลุ่มใหม่ คือ กลุ่มบัญชี จ (2) ซึ่งเป็นยาที่มีความจำเป็นในผู้ป่วยบางราย แต่มีราคาสูงมาก ดังนั้น จึงต้องมีระบบการจัดการที่ดี เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณแก่โรงพยาบาลและประเทศชาติ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับยาเพื่อการรักษาตามความจำเป็น
รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สปสช.ได้เตรียมงบประมาณในปี 2552 จำนวน 235 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลที่จ่ายยากลุ่มบัญชี จ (2) ให้กับผู้รับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเบิกจ่ายยาตามที่คณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติกำหนด เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงยาใหม่ๆ ที่มีราคาแพงได้ตามความจำเป็น โดยไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อโรงพยาบาลต่อตนเอง และครอบครัว เพื่อให้บัญชียาหลักแห่งชาติเป็นบัญชียาที่ครอบคลุมทุกปัญหาสุขภาพประชาชน ด้วยความประหยัด คุ้มค่า และประชาชนให้ความเชื่อถืออย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ยากลุ่มบัญชี จ (2) ประกอบด้วย ยาจำนวน 9 รายการ ได้แก่ 1.Botulinum toxin type A inj.สำหรับโรคบิดเกร็งของใบหน้า 2.IVIG inj.มีหลายข้อบ่งใช้ 3.Leuprorelin inj.ใช้รักษาอาการเจริญพันธุ์ก่อนวัยในเด็ก 4.Docetaxel inj สำหรับโรคมะเร็ง 5.Letrozole tab.สำหรับโรคมะเร็ง 6.Imatinib mesilate tab.สำหรับโรคมะเร็ง 7.Erythropoietin inj. สำหรับโรคไต 8.Verteporfin inj.สำหรับโรคจอประสาทตาเสื่อม และ 9.Liposomal amphotericin B inj. สำหรับการติดเชื้อราที่รุนแรง
นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้ก่อให้เกิดวิธีการรักษาและยาชนิดใหม่ ซึ่งให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าเดิม และเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติได้ทบทวนและปรับปรุงรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและแพทย์ผู้รักษามากขึ้น โดยเพิ่มยาบางตัวไว้ในกลุ่มใหม่ คือ กลุ่มบัญชี จ (2) ซึ่งเป็นยาที่มีความจำเป็นในผู้ป่วยบางราย แต่มีราคาสูงมาก ดังนั้น จึงต้องมีระบบการจัดการที่ดี เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณแก่โรงพยาบาลและประเทศชาติ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับยาเพื่อการรักษาตามความจำเป็น
รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สปสช.ได้เตรียมงบประมาณในปี 2552 จำนวน 235 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลที่จ่ายยากลุ่มบัญชี จ (2) ให้กับผู้รับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเบิกจ่ายยาตามที่คณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติกำหนด เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงยาใหม่ๆ ที่มีราคาแพงได้ตามความจำเป็น โดยไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อโรงพยาบาลต่อตนเอง และครอบครัว เพื่อให้บัญชียาหลักแห่งชาติเป็นบัญชียาที่ครอบคลุมทุกปัญหาสุขภาพประชาชน ด้วยความประหยัด คุ้มค่า และประชาชนให้ความเชื่อถืออย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ยากลุ่มบัญชี จ (2) ประกอบด้วย ยาจำนวน 9 รายการ ได้แก่ 1.Botulinum toxin type A inj.สำหรับโรคบิดเกร็งของใบหน้า 2.IVIG inj.มีหลายข้อบ่งใช้ 3.Leuprorelin inj.ใช้รักษาอาการเจริญพันธุ์ก่อนวัยในเด็ก 4.Docetaxel inj สำหรับโรคมะเร็ง 5.Letrozole tab.สำหรับโรคมะเร็ง 6.Imatinib mesilate tab.สำหรับโรคมะเร็ง 7.Erythropoietin inj. สำหรับโรคไต 8.Verteporfin inj.สำหรับโรคจอประสาทตาเสื่อม และ 9.Liposomal amphotericin B inj. สำหรับการติดเชื้อราที่รุนแรง