“เหลิม” หาช่อง เพิ่มค่าตอบแทนสวัสดิการ อสม. พร้อมกำหนดคุณสมบัติ คัดคุณภาพ ชี้ ช่วยขับเคลื่อนงานสาธารณสุขคล่องตัวขึ้น เตรียมจ้อรายเดือนผ่านวิทยุ สบส.ทั่วประเทศ
วานนี้ (13 ต.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ว่า ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.รวมทั้งเพิ่มค่าตอบแทน เงินอุดหนุน หรือสวัสดิการต่างๆ เพิ่มให้ อสม.ที่ปัจจุบันได้รับเงินสนับสนุนการทำงานปีละ 10,000 บาทต่อหมู่บ้าน ผ่านทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนงานสาธารณสุขมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยเงินที่สนับสนุนเพิ่มจะไม่ได้ให้ในรูปแบบของเงินเดือน
“ที่ผ่านมา เคยหาเสียงว่า จะเพิ่มเงินเดือนให้พี่น้องกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.เพราะคนเหล่านี้มีศักยภาพในการดูแลคนเจ็บป่วย จึงอยากให้พวกท่านช่วยผม มิฉะนั้นผมลงหาเสียงอีกครั้ง คงจะโดนแน่ โดยให้กรมช่วยคิดว่า ไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นเงินที่ทำให้เกิดสภาพคล่อง จะเป็นเงินอุดหนุนบริการ สวัสดิการเงินอะไรก็ไปคิดเอา ใครๆ ก็อยากมาเป็นอสม.ช่วยเหลือกัน จากนั้นก็ไปคิดว่า หากมีผู้มาสมัครเป็น อสม.เพิ่มจาก 8 แสนกว่าราย เป็น 1.5-2 ล้านรายจะทำอย่างไร” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สถานีวิทยุของกรม ที่มีไว้สำหรับการเผยแพร่ความรู้ข้อมูลทางสุขภาพทั่วประเทศ ก็ให้เชิญตนเองไปร่วมรายการ เพื่อพบปะพูดคุยกับพี่น้อง อสม. เหมือนกับสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ก็ยังได้ร่วมรายการเสียงตามสาย ได้พูดคุยกับพี่น้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศประมาณเดือนละ 1 ครั้ง
“ทั้งนี้ จะให้ดำเนินการโครงการพัฒนาส้วมในโรงพยาบาลทุกแห่ง ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ร่วมกับกรมอนามัย ให้สะอาด เพียงพอกับการใช้ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพทำหน้าที่รับรองมาตรฐานส้วมสะอาดของโรงพยาบาล” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย จำนวนประมาณ 2 ล้านคน แต่ขึ้นทะเบียนและเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพเพียง 5-6 แสนคน ทำให้ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไม่ได้รับการตรวจสุขภาพ มีปัญหาค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย เป็นภาระของกระทรวงสาธารณสุข ปีละประมาณ 200 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุขเสนอให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย สามารถทำประกันสุขภาพได้ที่โรงพยาบาล และจะขอจ้างแรงงานต่างด้าว ทำหน้าที่คล้าย อสม.เพื่อดูแลด้านสุขภาพแรงงานต่างด้าวด้วยกันเอง ซึ่งจะได้หารือกับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมต่อไป