แพทย์เตือนทำสปาหูไม่ช่วยรักษาโรค ไร้ประโยชน์ แถมยังอันตรายถึงขั้นทำให้แก้วหูทะลุ หูหนวก อ้างรักษาไซนัส หวัด ไมเกรน ยังไม่ได้รับการยอมรับ ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิชาการ สบส.เตรียมตรวจสปา นวดสุขภาพทั่วประเทศ ขู่พบให้บริการสปาหูเพิกถอน ไม่ต่อใบรับรองมาตรฐาน
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเลขาธิการราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้การทำสปาหูถือว่ายังไม่ได้รับการยอมรับว่าสามารถรักษาโรคตามที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ ได้แก่ โรคไซนัส หวัด ไมเกรน และภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เนื่องจากยังไม่มีรายงานทางวิชาการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว
“ราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกฯ องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดาไม่ยอมรับการทำสปาหู โดยวารสารชั้นนำด้านโสต ศอ นาสิกในต่างประเทศมีการตีพิมพ์ ระบุว่า การทำสปาหูไม่มีข้อดีมีแต่ข้อเสีย จะทำให้ช่องหู แก้วหูถูกเผาไหม้ ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการสปาหูในประเทศแคนาดา จำนวน 122 ราย พบว่า ได้รับบาดเจ็บจากการทำสปาหู 13 ราย มีการอุดตันของรูหูจากขี้ผึ้งของเทียนสปา 7 ราย สูญเสียการได้ยิน 6 ราย เกิดภาวะแก้วหูทะลุ 1 ราย และทุกคนไม่เห็นด้วยที่จะทำสปาหู ดังนั้น การทำสปาหูไม่มีประโยชน์อะไรเลย” รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าว
รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการรักษาไซนัสให้ดีขึ้นนั้น เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากโพรงไซนัสอยู่บริเวณหน้าผากและติดต่อทางหูชั้นกลาง ขณะที่ก้านเทียนที่ใช้ในการทำสปาจะเข้าถึงเพียงบริเวณช่องหูในหูชั้นนอกเท่านั้น โดยมีแก้วหูเป็นตัวกั้นระหว่างหูชั้นนอกและชั้นกลาง หากจะเข้าถึงหูชั้นกลางต้องเจาะทะลุแก้วหูเข้าไปเท่านั้น ซึ่งจะเป็นอันตราย ส่วนภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากน้ำในหูชั้นในมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ การทำสปาหูจึงไม่สามารถช่วยดึงน้ำในหูชั้นในออกได้เช่นกัน
“มีการพิสูจน์แล้วว่าแรงดันที่เกิดจากการทำสปาหู ไม่มากเพียงพอที่จะดูดขี้หูออกได้ ที่สำคัญ ขี้หูไม่ใช่ขี้ ไม่ต้องทำความสะอาด แต่ขี้หูเป็นขี้ผึ้ง ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปภายในหู จึงมีประโยชน์ ไม่ต้องไปขจัดออก” รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าว
รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญ คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำการสปาหูอย่างเด็ดขาด
ด้านนพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานประกอบธุรกิจบริการสุขภาพทั้งสปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมสวย ที่ผ่าน และได้รับสัญลักษณ์ตรารับรองมาตรฐานและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สบส.จำนวน 1,076 แห่งทั่วประเทศ หากพบมีการให้บริการสปาหู จะเพิกถอนการรับรองและไม่ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งจะส่งผลให้สถานบริการกลายเป็นสถานบริการเถื่อน หากยังคงให้บริการจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท
นพ.ศุภชัย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยังไม่มีผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะมาขออนุญาตจดทะเบียนสถานประกอบการ ประชาชนที่จะเลือกใช้สปาเพื่อสุขภาพ ควรเลือกใช้บริการจากสถานประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสบส. และอนาคตจะมีการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานที่สูงขึ้น โดยแบ่งสถานประกอบการเป็น 3 ระดับ ได้แก่ แพลทินัม (Platinum) โกลด์ (Gold) และซิลเวอร์ (Silver) เพื่อให้ผู้บริการเลือกใช้บริการได้ตามต้องการ
“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ทำสปาหูผ่านทางอินเทอร์เน็ตและสื่อต่างๆ มากมาย เสียค่าบริการในอัตราครั้งละ 500-1,500 บาท ประชาชนจึงควรรู้เท่าทันไม่หลงเชื่อกับสิ่งที่อวดอ้างเกินจริง ซึ่งการทำสปาหู จะใช้เทียนที่ตรงกลางกลวงใส่ในช่องหู แล้วจุดไฟเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ โดยหวังจะให้ควันเทียนและขี้ผึ้งช่วยรักษาโรคต่างๆ แต่ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีหลักฐานเชิงวิชาการอ้างอิงในเรื่องนี้” นพ.ศุภชัย กล่าว