โดยฝ่ายวิชาการ ชมรมแพทย์ชนบท
จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ปิดล้อมอาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่คืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และรัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้มีการสลายการชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ประชาชนบนถนนราชวิถีด้านข้างอาคารรัฐสภาเพื่อเปิดทางให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สามารถเข้าไปประชุมรัฐสภาได้ ผลของการสลายการชุมนุมหลายรอบในวันนั้นทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ และทุพพลภาพ
การสูญเสียดังกล่าวก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมว่า แท้จริงการใช้แก๊สน้ำตาจะสามารถทำให้เกิดการเสียชีวิต และบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉกรรจ์จนอวัยวะฉีกขาดหรือเสียชีวิตได้หรือไม่ นับเป็นคำถามที่ทุกฝ่ายต้องหาคำตอบให้ชัดเจน
แก๊สน้ำตา หรือ tear gas เป็นอาวุธประเภทก่อกวนโดยมักใช้ในการปราบจลาจล เพื่อสลายการชุนนุม โดยทำให้มีการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาและแก้วตาดำ ทำให้มีน้ำตาไหลออกมาก เยื่อบุตาจะแดงและแก้วตาดำจะบวม ตามองไม่เห็น น้ำมูก น้ำลายไหล ไอ หายใจลำบาก ส่วนใหญ่จะหายเอง ในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ถ้าอยู่ในพื้นที่อับอากาศไม่ถ่ายเทอาจถึงหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบได้ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการแสบ และบวมแดง หากสัมผัสนานอาจเป็นแผลเหมือนถูกไฟไหม้
สารที่ใช้เป็นแก๊สน้ำตามีโดยลักษณะเป็นฝุ่นผง หลายแบบองค์ประกอบส่วนใหญ่มีสารเคมีหลัก 3 ชนิดได้แก่ CS (chlorobenzylidenemalononitrile), CN (chloroacetophenone) และ สเปย์พริกไทย และการใช้งานมีทั้งการยิงจากปืนยิงแก๊สน้ำตา และใช้แบบระเบิดขว้าง
โดยสรุปแล้ว ทั่วโลกใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุม เพราะแก๊สน้ำตามีผลระคายเคืองต่ออวัยวะต่าง ๆ คือ ตา เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องปาก และผิวหนัง เท่านั้น ยิ่งในที่โล่งด้วยแล้วก็เพียงทำให้ฝูงชนทนอยู่บริเวณนั้นไม่ได้ ต้องถอยหนีไป แก๊สน้ำตาไม่ทำให้เกิดการฉีกขาดของอวัยวะ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันมาชัดเจนว่า ยิงตรงๆก็ไม่ทำให้อวัยวะฉีกขาดขนาดขาขาด
ทั่วโลกที่มีการใช้แก๊สน้ำตา มุมการยิงจะยิงในวิถีโค้ง หากเป็นไปได้ควรให้ไปตกในที่ว่าง แต่ภาพการสลายการชุมนุมที่ปรากฏจากสื่อมวลชนนั้น ชัดเจนว่า ตำรวจไทยไม่เคยฝึกฝนการสลายการชุมนุมกระมัง เล็งยิงกระสุนแก๊สน้ำตาในแนวระนาบเข้าใส่ฝูงชน เช่นนี้กระสุนจะระเบิดที่ตัวคน ย่อมมีการบาดเจ็บจากการแตกของกระสุนที่บรรจุแก๊สได้ ซึ่งอาจมีแรงอัดทำให้เกิดการฉีกขาดของผิวหนังได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นขาขาดหรืออวัยวะฉีกขาด
ดังนั้น จึงสรุปได้อย่างแน่นอนแล้วว่า งานนี้มีการยิงระเบิดหรือขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่การสลายฝูงชนตามหลักมาตรฐานสากลที่ใช้เพียงแก๊สน้ำตาเท่านั้น
หลักฐานจากภาพถ่ายของสื่อสารมวลชนนั้นก็สามารถยืนยันได้ว่า งานนี้มีระเบิดของแท้ผสมโรงแก๊สน้ำตาด้วย เล่นไม่ซื่อหวังให้ถึงเลือดถึงตาย การสอบสวนโดยคณะกรรมการอิสระนั้นแม้จะเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องได้คนที่สังคมยอมรับอย่างแท้จริงมารับภาระในการหาข้อเท็จจริงนี้ แต่ก่อนที่ผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น ชีวิตพี่น้องคนไทยที่ตายไปและอวัยวะคนบริสุทธิ์ที่ต้องเสียไปนั้น นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบเพียงแค่เอากระเช้าไปเยี่ยมและขอถ่ายรูปด้วยเท่านั้นหรือ
ที่ผ่านมารัฐบาลนายสมชาย วงสวัสดิ์ ได้แสดงท่าทีให้สัญญากับประชาชนในการใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา แต่นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ดูนุ่มนิ่มแท้จริงซ่อนมีดซ่อนดาบอยู่ข้างหลัง ก่ออาชญากรรมทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บในวันเดียวกว่า 500 ราย ตายไม่ต่ำกว่า 2 ราย สาหัสอีกนับสิบราย เช่นนี้แล้วประเทศไทยยังควรมีรัฐบาลที่นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกหรือ
ลาออกไปเถิด เพื่อประเทศไทยมีทางรอด และก่อนที่ตนและครอบครัวจะไม่มีแผ่นดินอยู่ สังคมไทยยังมีคนดีอีกมากที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้
จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ปิดล้อมอาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่คืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และรัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้มีการสลายการชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ประชาชนบนถนนราชวิถีด้านข้างอาคารรัฐสภาเพื่อเปิดทางให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สามารถเข้าไปประชุมรัฐสภาได้ ผลของการสลายการชุมนุมหลายรอบในวันนั้นทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ และทุพพลภาพ
การสูญเสียดังกล่าวก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมว่า แท้จริงการใช้แก๊สน้ำตาจะสามารถทำให้เกิดการเสียชีวิต และบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉกรรจ์จนอวัยวะฉีกขาดหรือเสียชีวิตได้หรือไม่ นับเป็นคำถามที่ทุกฝ่ายต้องหาคำตอบให้ชัดเจน
แก๊สน้ำตา หรือ tear gas เป็นอาวุธประเภทก่อกวนโดยมักใช้ในการปราบจลาจล เพื่อสลายการชุนนุม โดยทำให้มีการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาและแก้วตาดำ ทำให้มีน้ำตาไหลออกมาก เยื่อบุตาจะแดงและแก้วตาดำจะบวม ตามองไม่เห็น น้ำมูก น้ำลายไหล ไอ หายใจลำบาก ส่วนใหญ่จะหายเอง ในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ถ้าอยู่ในพื้นที่อับอากาศไม่ถ่ายเทอาจถึงหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบได้ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการแสบ และบวมแดง หากสัมผัสนานอาจเป็นแผลเหมือนถูกไฟไหม้
สารที่ใช้เป็นแก๊สน้ำตามีโดยลักษณะเป็นฝุ่นผง หลายแบบองค์ประกอบส่วนใหญ่มีสารเคมีหลัก 3 ชนิดได้แก่ CS (chlorobenzylidenemalononitrile), CN (chloroacetophenone) และ สเปย์พริกไทย และการใช้งานมีทั้งการยิงจากปืนยิงแก๊สน้ำตา และใช้แบบระเบิดขว้าง
โดยสรุปแล้ว ทั่วโลกใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุม เพราะแก๊สน้ำตามีผลระคายเคืองต่ออวัยวะต่าง ๆ คือ ตา เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องปาก และผิวหนัง เท่านั้น ยิ่งในที่โล่งด้วยแล้วก็เพียงทำให้ฝูงชนทนอยู่บริเวณนั้นไม่ได้ ต้องถอยหนีไป แก๊สน้ำตาไม่ทำให้เกิดการฉีกขาดของอวัยวะ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันมาชัดเจนว่า ยิงตรงๆก็ไม่ทำให้อวัยวะฉีกขาดขนาดขาขาด
ทั่วโลกที่มีการใช้แก๊สน้ำตา มุมการยิงจะยิงในวิถีโค้ง หากเป็นไปได้ควรให้ไปตกในที่ว่าง แต่ภาพการสลายการชุมนุมที่ปรากฏจากสื่อมวลชนนั้น ชัดเจนว่า ตำรวจไทยไม่เคยฝึกฝนการสลายการชุมนุมกระมัง เล็งยิงกระสุนแก๊สน้ำตาในแนวระนาบเข้าใส่ฝูงชน เช่นนี้กระสุนจะระเบิดที่ตัวคน ย่อมมีการบาดเจ็บจากการแตกของกระสุนที่บรรจุแก๊สได้ ซึ่งอาจมีแรงอัดทำให้เกิดการฉีกขาดของผิวหนังได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นขาขาดหรืออวัยวะฉีกขาด
ดังนั้น จึงสรุปได้อย่างแน่นอนแล้วว่า งานนี้มีการยิงระเบิดหรือขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่การสลายฝูงชนตามหลักมาตรฐานสากลที่ใช้เพียงแก๊สน้ำตาเท่านั้น
หลักฐานจากภาพถ่ายของสื่อสารมวลชนนั้นก็สามารถยืนยันได้ว่า งานนี้มีระเบิดของแท้ผสมโรงแก๊สน้ำตาด้วย เล่นไม่ซื่อหวังให้ถึงเลือดถึงตาย การสอบสวนโดยคณะกรรมการอิสระนั้นแม้จะเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องได้คนที่สังคมยอมรับอย่างแท้จริงมารับภาระในการหาข้อเท็จจริงนี้ แต่ก่อนที่ผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น ชีวิตพี่น้องคนไทยที่ตายไปและอวัยวะคนบริสุทธิ์ที่ต้องเสียไปนั้น นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบเพียงแค่เอากระเช้าไปเยี่ยมและขอถ่ายรูปด้วยเท่านั้นหรือ
ที่ผ่านมารัฐบาลนายสมชาย วงสวัสดิ์ ได้แสดงท่าทีให้สัญญากับประชาชนในการใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา แต่นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ดูนุ่มนิ่มแท้จริงซ่อนมีดซ่อนดาบอยู่ข้างหลัง ก่ออาชญากรรมทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บในวันเดียวกว่า 500 ราย ตายไม่ต่ำกว่า 2 ราย สาหัสอีกนับสิบราย เช่นนี้แล้วประเทศไทยยังควรมีรัฐบาลที่นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกหรือ
ลาออกไปเถิด เพื่อประเทศไทยมีทางรอด และก่อนที่ตนและครอบครัวจะไม่มีแผ่นดินอยู่ สังคมไทยยังมีคนดีอีกมากที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้