ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมเตรียมหน่วยอรินทราช อาวุธครบมือไว้คอยต้อนรับ หากถูกบุกเข้าไปภายใน
วันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น.ภายหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดย นายวัชระ เพชรทอง นำประชาชนไปรวมตัวกันที่หน้า บช.น.ประมาณ 2,000 คน เพื่อกดดันให้ตำรวจส่งตัว พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ว่าที่ ผบช.น.ลงมาเจรจา ว่า เป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้กำลังกับประชาชนหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ตำรวจไม่ยอมลงมาเจรจา ในขณะที่ประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนนับหมื่นคน และปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาลไว้ทุกด้าน
ล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ประทัดจุดกดดันตำรวจ ก่อนจะพังรั้ว แต่ตำรวจปราบจลาจลที่อยู่ภายใน บช.น.ได้พากันเคาะโล่ และส่งเสียงโห่ร้องให้พันธมิตรฯกลัว ส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ พากันหมอบราบลงกับพื้น และพากันอยู่ในความสงบ จากนั้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง กลุ่มพันธมิตรฯ ก็กรูกันไปกดดันอีก โดยเบื้องต้น ตำรวจแจ้งว่า ทาง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.จะลงมาเจรจากันบกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ก็ไม่มมีวี่แววว่าจะลงงมา
ต่อมา เมื่อตำรวจถูกกลุ่มพันธมิตรฯจำนวนนับหมื่นคนกดดันอย่างหนัก และพยายามที่จะเข้าไปภายใน บช.น.ให้ได้ ตำรวจก็ตัดสินใจ ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน จนกลุ่มพันธมิตรฯพากันแตกกระเจง เบื้องต้นมีผู้ล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บ และรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามารับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรามธิบดีทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจจะยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน 4-5 นัด แต่กลุ่มพันธมิตรฯที่แตกกระเจิงไป ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จากนั้นเดินแถวหน้ากระดานเข้าไปยังหน้าบช.น.อีก และในที่สุด ก็ถูกตำรวจยิงแก๊สเข้าใส่อีกชุดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 20 นัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี
เบื้องต้น พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวปฏิเสธว่า แก๊สน้ำตาและประทัด ตำรวจไม่ได้ยิง ซึ่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกนายอดทนอดกลั้น จนถึงที่สดุ อย่างไรก็ตาม ได้มีการถอนกำลังที่อยู่ด้านหน้า โดยถอนออกมาด้านหลัง เพราะถูกแก๊สน้ำตา และให้กำลังเสริมเข้าไปแทน
ล่าสุด ตำรวจสั่งหน่วยอรินทราช นำแก๊สน้ำตา พร้อมอาวุธ ครบมือ เตรียมกำลังไว้รับมือพร้อมแล้ว หากกลุ่มพันธมิตรฯบุกเข้าไปใน บช.น.อีก
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.แถลงข่าวเกี่ยวกับกลุ่มชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงเหตุการณ์ที่พันธมิตรฯบุกปิดล้อมบริเวณหน้า บช.น.ว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าไม่ได้เป็นการสลายการชุมนุมแต่อย่างใด ขอยืนยันว่า เป็นการกระทำโดยชอบธรรม ทั้งนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เสนอข่าวไปแล้ว ยกเว้นที่สะพานมัฆวาน ต้องขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่มีการกระทบกระทั่งตามที่มีภาพสื่อนำเสนอข่าวออกไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันเท่านั้นไม่ใช่เป็นการสลายการชุมนุม
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯมาปิดล้อมที่บริเวณหน้า บช.น.และเรียกร้องให้ส่งตัวกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกจับตัว ขอยืนยันว่า ไม่ได้จับกุมตัวผู้ชุมนุมมาแต่อย่างใด แต่การที่จะเรียกร้องให้ส่งตัว พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.คงไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายคุ้มครองอยู่
รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนแกนนำพันธมิตรที่ผ่านมา ศาลอาญาได้ออกหมายจับและศาลแพ่งได้ออกหมายบังคับคดี แต่ก็ไม่ปรากฏว่า กลุ่มแกนนำจะรับรู้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งยกเลิกบังคับคดีที่ให้กลุ่มพันธมิตรฯออกจากทำเนียบ โดยให้รอคำสั่งศาลอุทธรณ์ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่จะต้องหารือกับผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานที่ดูแลรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ตร.มีการนำแก๊สน้ำตาออกมาใช้นั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีการนำเอาออกมาใช้ มีเพียงถังดับเพลิงเท่านั้นที่นำออกมา อย่างไรก็ตาม การปิดล้อมของผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้า บช.น.เพื่อจะกดดันเจ้าหน้าที่ ตร.คาดว่า น่าจะสลายตัวกลับไปร่วมชุมนุมที่สะพานมัฆวานและทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม
สุดท้าย ตำรวจนำรถดับเพลิง มาจอดขวางหน้าประตูทางเข้าบช.น.ไว้ จากนั้นทางพล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว ลงมาดูเหตุการณ์ และตำรวจที่อยู่ด้านในได้ขับร้องเพลงมาร์ชตำรวจ พร้อมกับเปิดเพลงมาร์ชตำรวจขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีตำรวจบางนายทำการยัวยุ และกว่าท้าทายข่มขู่กลุ่มพันธมิตรฯต่างๆนานา แต่ถูกผู้บังคับบัญชาห้ามปรามไว้
ต่อมาเวลา 19.45 น. กลุ่มพันธมิตรฯได้พากันถอนกำลังออกจากบริเวณหน้าบช.น.แล้ว โดยนายศิริชัย ไม้งาม ขึ้นประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่า บช.น.ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา เป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นพากันสลายตัว และเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่บริเวณททำเนียบรัฐบาลต่อไป