xs
xsm
sm
md
lg

รามาฯ แถลง “น้องโบว์” เสียชีวิตจากแผลลึก หัวใจ-ปอดทะลุ ยันไม่ใช่แก๊สน้ำตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รพ.รามาฯ แถลง “น้องโบว์” เสียชีวิต เพราะหัวใจ ปอด และกระเพาะ ทะลุ มีบาดแผลขนาด 40 ซม.ลึกถึงซี่โครงที่อกซ้าย แรงกระแทกเท่าตกตึก 3 ชั้น ยันไม่ใช่บาดแผลจากแก๊สน้ำตา แม้ยิงระยะกระชั้นก็ไม่ทำให้เกิดแผลใหญ่เท่านี้ ระบุแก๊สน้ำตาไม่ทำให้ขา-แขนขาด ส่วนผู้เสียชีวิตหน้าพรรคชาติไทย ยังไม่มีญาติมารับศพ

เมื่อเวลา 14.30 น.รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผอ.โรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยทุกฝ่าย จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 อีก จำนวน 2 แสนบาท รวมเป็น 3 แสนบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ตามพระราชประสงค์อย่างดีที่สุด และโรงพยาบาลรามาฯ จะถวายรายงานให้ทรงทราบเป็นระยะๆ

ด้าน ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช ภาควิชาพาธิวิทยา รพ.รามาฯ กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วย 1 ราย ที่ได้นำส่ง รพ.รามาฯ คือ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ อายุ 27 ปี จากการชันสูตรพลิกศพพบว่า ผู้เสียชีวิตมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณหน้าอกซ้าย จนถึงแขนซ้าย โดยขนาดแผลมีขนาด 40 เซนติเมตร ลึกถึงซี่โครง ทำให้มีเลือดออกมาบริเวณเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย ทำให้ปอดช้ำอย่างมาก หัวใจ ปอด และ กระเพาะทะลุ ส่วนบริเวณแขนซ้ายหัก เนื้อบริเวณต้นแขนหลุด โดยมีความร้อนสูง สาเหตุการณ์เสียชีวิตจึงเกิดจากมีบาดแผลขนาดใหญ่ หัวใจทะลุ ปอดเลือดออกมาก ลักษณะบาดแผลเกิดจากของแข็งที่มีความร้อนและมีความเร็วสูง นอกจากนี้ มีเขม่าติดอยู่ที่บริเวณเสื้อชั้นใน และมีรอยไหม้เป็นจุดๆ โดยในส่วนของคราบเขม่าได้ส่งให้พนักงานตำรวจ สน.พญาไททำการตรวจสอบ

“บาดแผลที่เกิด เกิดจากแรงอัดภายนอกที่ทำให้เลือดและเยื่อหุ้มปอดทะลุ บริเวณโดยรอบมีรอยไหม้เป็นหย่อม แต่ไม่พบสะเก็ดระเบิดในร่างกาย อย่างไรก็ตาม บาดแผลที่พบไม่ได้เกิดจากแก๊สน้ำตาอย่างแน่นอน โดยความรุนแรงที่ทำให้เกิดอาการหัวใจ และปอดทะลุต้องเป็นแรงขนาดตกตึก 3 ชั้น”ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เกิดจากระเบิดปิงปอง ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าวว่า ตนไม่เชี่ยวชาญเรื่องวัตถุระเบิด แต่มีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นระเบิดปิงปอง เนื่องจากแก๊สน้ำตา ถึงถูกยิงลักษณะปะทะ หรือกระชั้นโดยตรงก็ไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผลรุนแรงขนาดนี้ แต่ก็มีทำให้เนื้อฉีกขาดได้ อย่างไรก็ตาม แก๊สน้ำตาไม่มีอานุภาพทำลายถึงขนาดขาขาดได้

ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถจี๊ประเบิด บริเวณหน้าพรรคชาติไทย ถูกส่งมายัง รพ.รามาฯ เพื่อชันสูตร ตั้งแต่เย็นวานนี้ (7 ต.ค.) ด้วย 1 ราย ซึ่งสภาพศพ อวัยวะฉีกขาด แขน ขา สมอง เศษเนื้อกระเด็นไกลถึง 20 เมตร อีกทั้งบริเวณใบหน้าไม่สามารถทราบได้เลยว่าเป็นใคร เพราะใบหน้าเละ ลำตัวไหม้เกรียม สามารถสันนิษฐานได้ว่าเป็นผู้ชาย อายุอยู่ระหว่าง 40-50 ปี ขณะนี้ยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพ และไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ตายเป็นใคร โดยทางทีมแพทย์ได้นำเศษโลหะที่เก็บรวบรวมได้ ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบว่าเป็นระเบิดหรือ เกิดจากถังแก๊สระเบิด

รศ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รอง ผอ.รพ.รามาฯ กล่าวถึงแผนการเตรียมความพร้อมของ รพ.มาราฯ รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ว่า ทางโรงพยาบาลมีแผนการเตรียมความพร้อม 2 แบบ คือ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกหน่วยร่วมกัน และแพทย์ที่ไปกับรถรับส่งคนไข้ โดยผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษานั้น เมื่อมาถึงจะได้รับการชำระล้างแก๊สออกจากตัวคนไข้ให้ได้มากสุด ซึ่งในการรักษาอยู่ในห้องที่มีพื้นที่จำกัด จึงต้องใช้พัดลมดูดอากาศออกไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้ทีมแพทย์ทำงานลำบากเนื่องจากมีอาการแสบตา และระคายเคือง ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษากลับบ้านหมดแล้ว และปลอดภัย ซึ่งการรักษาพยาบาลได้รับความร่วมมือจากแพทย์ทุกหน่วย หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นอีก ก็มีแพทย์ที่อาสาจะออกไปกับรถฉุกเฉินอีกหลายคน

รศ.นพ.วินัย อาณานุกูล แพทย์ประจำศูนย์พิษวิทยา ประจำ รพ.รามาฯ กล่าวว่า แก๊สน้ำตามีลักษณะเป็นฝุ่นผงสีขาว สามารถละลายน้ำได้ เมื่อผงโดนที่บริเวณเยื่อหุ้มตาก็จะมีการละลายน้ำบริเวณนั้น ทำให้เกิดการระคายเคือง หากถูกแก๊สรุนแรงมากก็จะทำให้ระบบทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบ แต่โดยทั่วไปแก๊สไม่มีอันตรายที่ทำให้หัวใจผิดปกติ หรือสลบ โดยหลักการดูแลรักษาให้ล้างพิษให้ได้มากที่สุด และรักษาตามอาการ หากเยื่อหุ้มตามีอาการระคายเคืองก็ให้ล้างตา ทั้งนี้ ไม่มีผลในระยะยาว นอกจากนี้หากไม่ล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ฝุ่นพิษนี้ยังสามารถติดตามเสื้อทำให้เกิดอาการระคายเคือง หากผู้ได้รับบาดเจ็บถูกแก๊สน้ำตาตรงๆ ก็จะมีฝุ่นแก๊สติดตามตัว และมีอาการมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น