“ป.ป.ช.ภาคประชาชน” ออกแถลงการณ์เรียกร้อง “นายกฯหมัก” สั่งระงับโรงถลุงเหล็กบางสะพานยุติความรุนแรง ระบุ เครือสหวิริยาหมกเม็ดเพียบ ทั้งออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ บุกรุกป่าพรุ ลงมือก่อนผ่านอีไอเอ ใช้งบโครงการพระราชดำริบิดเบือน
วันนี้ (4 ก.พ.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบภาคประชาชน (ป.ป.ช.ภาคประชาชน) ได้ออกแถลงการณ์ ลงนามโดย นายประเทือง ปรัชญพฤทธิ์ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาชน เรื่อง หยุดความรุนแรงที่บางสะพาน : หยุดความไม่โปร่งใสของกลุ่มทุนสหวิริยา ความว่า
“สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งของประชาชนหลายตำบลในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันเนื่องมาจากการสนับสนุนและการการคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ที่ยืดเยื้อมานาน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายรายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 เป็นเหตุให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบภาคประชาชน (ป.ป.ช.ภาคประชาชน) พร้อมคณะทำงานและสื่อมวลชนรวม 30 คน ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2551 ตามคำร้องขอจากกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง และกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ประกอบการข่าวเชิงลึกทั้งในและนอกพื้นที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาชน ขอสรุปความเห็นเบื้องต้นต่อปัญหาและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนี้
1.เป็นที่น่าเชื่อว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ในพื้นที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใสและมีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายนานัปการ ทั้งปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ (ถูกเพิกถอนแล้วส่วนหนึ่ง) และการบุกรุกทำลายพื้นที่สาธารณะ (ป่าพรุในเขตวนอุทยาน) ตลอดจนการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ห้ามมิให้ดำเนินการก่อสร้างก่อนที่ EIA (รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม) จะผ่านความเห็นชอบ ตลอดจนมีการนำงบประมาณ 1,200 ล้านบาทจากโครงการ (แก้ปัญหาน้ำท่วม) อันเนื่องมาจากพระราชดำริมาใช้อย่างบิดเบือนเพื่อเอื้อประโยชน์แก่โครงการโดยมิชอบ
2.เป็นที่น่าเชื่อว่า การก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กกลางชุมชนโดยรอบ 5 หมู่บ้าน จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวางโดยตรงต่อพื้นที่ 4 ตำบลในอำเภอบางสะพาน อาทิ จะมีการปล่อยควันพิษจาก 29 ปล่อง (ห่างจากชุมชน 100 เมตร) และก่อให้เกิดฝุ่นพิษปริมาณกว่า 300,000 ตันต่อปี อันจะเป็นการทำลายระบบห่วงโซ่อาหารจากป่าพรุต้นน้ำสู่คลองแม่รำพึง ส่งผลกระทบต่อแหล่งวางไข่ปลาทูที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย ทำลายอาชีพประมงในพื้นที่ และทำลายแหล่งท่องเที่ยวในระยะยาว
3.เป็นที่น่าเชื่อว่า การดำเนินโครงการนี้ได้รับการส่งเสริมโดยมิชอบจากฝ่ายปกครองและหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เนื่องจากอิทธิพลของเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ดังจะเห็นได้จากปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินและการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะโดยมิชอบของโครงการ ซึ่งไม่ได้รับการสะสางอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ได้มีการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกส่วน นอกจากนี้ยังปรากฏชัดว่าฝ่ายบริหาร อบต.แม่รำพึง พยายามใช้ช่องว่างทางกฎหมายสนับสนุนโครงการโดยมิชอบแทบทุกด้านที่มีช่องโอกาส หน่วยงานส่วนกลาง เช่น สผ.ก็แสดงถึงความอ่อนด้อยในการไม่สามารถสั่งห้ามมิให้มีการเดินหน้าก่อสร้างโครงการขณะที่ EIA ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ
4.เป็นที่น่าเชื่อว่า ปัญหาความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะ ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนโดยมิชอบจากกลุ่มผลประโยชน์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังจะเห็นได้จากลำดับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
4.1) วันที่ 19 ธันวาคม 2550 กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูดผู้คัดค้านโครงการได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายก อบต.แม่รำพึง เพื่อขอให้สั่งระงับการปรับถมที่ดินโครงการจำนวน 1,142 ตามที่ได้อนุมัติไปแล้ว ปรากฏว่ากลุ่มผู้คัดค้านโครงการ (เสื้อเขียว) ที่ปราศจากอาวุธ ถูกกลุ่มที่อ้างตัวว่าสนับสนุนโครงการ (เสื้อแดง) รุมทำร้ายด้วยไม้จนได้รับบาดเจ็บกว่า 10 รายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากโดยไม่มีการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า
4.2) วันที่ 21 มกราคม 2551 กลุ่มผู้คัดค้านโครงการ (เสื้อเขียว) ได้รวมตัวกันเข้าระงับการขุดคลองของโครงการเพื่อระบายน้ำทิ้งในป่าพรุโดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาน้ำท่วมบางสะพาน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าระงับเหตุก่อนจะเกิดความรุนแรง และสามารถยึดอาวุธมีดจำนวนมาก (เกือบ 30 เล่ม) จากกลุ่มผู้สนับสนุนโครงการ (เสื้อแดง) ที่มาคุ้มกันฝ่ายช่างของโครงการ
4.3) วันที่ 24 มกราคม 2551 กลุ่มผู้คัดค้านโครงการ (เสื้อเขียว) ได้รวมตัวกันเข้าระงับการขุดคลองอย่างสันติวิธีอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนได้เกณฑ์วัยรุ่นและชายฉกรรจ์กว่า 150 คนพร้อมอาวุธมีด ไม้ หนังสติ๊ก และปืน นั่งดื่มสุราและเบียร์ พร้อมจะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมนำกำลังเข้าตรวจค้นอาวุธฝ่ายสนับสนุนตามคำร้องขอจากฝ่ายคัดค้านที่แจ้งผ่านสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันถึง 3 ครั้ง สุดท้ายจึงเกิดเหตุการณ์รุนแรงโดยวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้ระดมยิงหนังสติ๊ก (ลูกเหล็กข้ออ้อย) ใส่กลุ่มผู้คัดค้านและมีเสียงปืนดังนับสิบนัด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ก็พบว่ากลุ่มผู้สนับสนุนเสียชีวิต 1 ราย คือ นายรักศักดิ์ คงตระกูล (อายุ 36 ปี) สภาพศพ (จากคำบอกเล่าในพื้นที่) ถูกยิงจากด้านหลังทะลุหน้าอก แต่ต่อมากลับปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับบุตรชายของแกนนำกลุ่มคัดค้านซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดยอ้างว่าเป็นผู้ยิง นายรักศักดิ์ อย่างไร้เบาะแส
จากข้อเท็จจริงทั้งหมดดังกล่าวจะเห็นได้ชัดว่า โครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ในพื้นที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปัญหาความไม่โปร่งใส มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและความสงบสุขของบ้านเมืองเพียงใด อันเป็นปัญหาที่เกินกว่าความรับผิดชอบของหน่วยงานระดับจังหวัดเสียแล้ว
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาชน จึงขอเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช) ให้ความสนใจปัญหาความขัดแย้งของประชาชนในอำเภอบางสะพานเป็นกรณีเร่งด่วน โดยอย่างน้อยควรสั่งการให้ทางจังหวัดระงับการดำเนินการใดๆ ในโครงการนี้ไว้โดยสิ้นเชิง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้นอีก และเพื่อรอการตัดสินใจแก้ปัญหาจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในเร็ววันนี้”