xs
xsm
sm
md
lg

ร้องแฟรนไชส์สถาบันภาษาชื่อดัง ไม่มีครูให้-ตำราผิด-หลักสูตรไม่มีมาตรฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

4 ผู้เสียหายจากการซื้อธุรกิจแฟรนไชน์ ร้องเรียนมูลนิธิผู้บริโภค
ผู้เสียหายซื้อธุรกิจแฟรนไชส์สถาบันสอนภาษาชื่อดัง ตบเท้าเข้าร้องเรียน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หลังไม่ได้รับความสนใจจากบริษัทเจ้าของแฟรนไชส์ ไม่มีครูให้ หลักสูตรไม่มีมาตรฐาน ตำราเกิดข้อผิดพลาด แพงกว่าท้องตลาด หวังค้ากำไรเกินควร เข้าร้องบริษัทฯ กลับถูกปฏิเสธ ไม่ใยดี ยันต้องการยกเลิกสัญญา คืนเงิน ชดใช้ค่าเสียหาย วอนผู้เสียหายรายอื่นร่วมกันเรียกร้องเพื่อความถูกต้อง

วันนี้(2 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจากการทำสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ กับ สถาบันสอนภาษาชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ประกอบด้วยเจ้าของสาขาที่เข้าร่วมร้องเรียน 4 สาขา ได้แก่ คุณสุนิสา ศิริกุล สาขาจันทบุรี , คุณเรวดี กองทัพธรรม สาขากรุงเทพ-รังสิต , คุณทวิพล เสือรอด สาขาราชบุรี, และคุณดวงชีวัน เชียรประมุข สาขาสมุทรปราการ

น.ส.สุนิสา หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเป็นคู่สัญญากับสถาบันสอนภาษาแห่งนั้น โดยก่อนหน้านี้ได้รับข้อมูลประชาสัมพันธ์จากทางเว็บไซต์ถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจดังกล่าว ที่บอกว่าเป็นรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษที่ทันสมัย และยืนยันความน่าเชื่อถือด้วยการได้รับรางวัลมาตรฐานแฟรนไชส์ไทยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับจากหน่วยงานของรัฐ ก็ยิ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ตนจึงตัดสินใจขอซื้อแฟรนไชส์ดังกล่าวจากทางบริษัทฯ โดยเปิดสาขาในจันทบุรี ซึ่งได้รับคำแนะนำอย่างดีเยี่ยมจากทางบริษัทฯ พร้อมทั้งมีการพาไปชมสาขาตัวอย่าง ซึ่งภาพที่เห็นเป็นสาขาที่สมบูรณ์แบบ จึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ด้วยเงิน 390,000 บาท กับระยะเวลาในสัญญา 5 ปี และต้องเสียเงินคืนแก่บริษัทฯ เป็นค่ากินเปล่า 13% และเสียอีก 2% เพื่อการโฆษณาของทางส่วนกลาง ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องเสียจากค่ารายรับที่ได้ทั้งหมดในทุกเดือนจนกว่าจะหมดสัญญา 5 ปี

“หลังจากทำสัญญาไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือทางบริษัทฯ ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือแก่คู่สัญญาตามที่โฆษณาไว้ ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการให้แก่คู่สัญญา เช่น ไม่สามารถจัดหาครูผู้สอนภาษา ผู้เชี่ยวชาญมาทำการสอนให้ได้ ในเรื่องหลักสูตรโปรแกรมการเรียนการสอนก็ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่อ้างไว้ และยังมีกรณีของตำราที่ใช้ประกอบการสอน ก็ด้อยคุณภาพ มีข้อผิดพลาดหลายประการ อีกทั้งราคาที่ทางสาขาต้องซื้อจากบริษัทฯ ก็สูงกว่าตามท้องตลาด อย่างหนังสือที่ใช้สำหรับการออกเสียงของเด็กที่ซื้อจากทางบริษัทในราคา 270 บาท แต่นำมาขายกับผู้เรียนในราคา 300 บาท ซึ่งความจริงแล้วราคาตามท้องตลาดตกอยู่เพียงเล่มละ 120 บาทเท่านั้น ซึ่งเหมือนเป็นการค้ากำไรเกินจริงของบริษัทฯ ดังกล่าว และผลกระทบที่ได้รับนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับสาขาจันทบุรีแห่งเดียวแต่เกิดขึ้นกับอีก 3 สาขาที่ร่วมกันมาร้องเรียน ต่างก็ประสบปัญหาที่คล้ายคลึงกันโดยทางบริษัทฯ ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด”

นายทวิพล เจ้าของสาขาราชบุรี กล่าวด้วยว่า เมื่อประสบปัญหาการไม่ได้รับความสนใจจากทางบริษัทฯ แล้วตนจึงเข้าไปยืนหนังสือเพื่อเรียกร้องกับทางบริษัทฯ โดยขอให้มีการแก้ไขในส่วนของสัญญาที่จะต้องรับผิดชอบในหลายเรื่องเช่น การจัดหาครูผู้สอน การขอลดเงินที่ต้องจ่ายให้บริษัทฯ เหลือแค่ 10% เป็นต้น แต่ทางบริษัทฯ ก็ไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องขอไปได้ จึงเข้ามาร้องเรียนกับมูลนิธิฯ ซึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ก็ได้จัดให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยขึ้นแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้เสียหาย และผู้บริหารของบริษัทฯ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้เนื่องจากทางบริษัทฯ อ้างว่า ไม่ทราบถึงความต้องการของผู้ที่มาเรียกร้อง ว่าต้องการอะไร แต่ทางผู้ร้องแจ้งความจำนงว่าต้องการบอกเลิกสัญญาและขอเงินคืนเท่านั้น ข้อสรุปในวันนั้นคือทางบริษัทฯ ขอเวลา 30 วัน เพื่อพิจารณาเรื่องที่ร้องขอ ซึ่งต่อมาภายหลังก็มีจดหมายแจ้งกลับมาว่าทางบริษัทฯ ไม่ประสงค์จะเจรจาอีกต่อไป เหตุเพราะผู้ร้องทำผิดสัญญาเอง โดยไม่มีการชี้แจงต่อว่าทำผิดในเรื่องใด

“สิ่งที่ได้รับจากคือทางบริษัทฯ โยนความรับผิดชอบมาที่เรา แต่ทางฝ่ายของตัวเองกลับไม่รับผิดชอบอะไรเลยและที่ออกมาในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการความรับผิดชอบจากทางสถาบันในฐานะของผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทำให้เสียโอกาสการประกอบอาชีพ และเสียชื่อเสียงในการประกอบธุรกิจ ทั้งยังต้องเสียเงินในจำนวนมากแต่กลับไม่ได้รับการใยดีจากทางสถาบัน แม้แต่น้อย สิ่งที่ได้กลับมาคือการหลอกลวงและไม่เคยคิดที่จะแสดงออกถึงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น จึงอยากขอยกเลิกสัญญา และให้บริษัทรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งหากยังนิ่งเฉยก็จะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อไป จึงอยากฝากเตือนถึงผู้บริโภครายอื่นที่ซื้อ แฟรนไชน์ ไม่ว่าจะของที่นี่หรือกับแฟรนไชส์ประเภทอื่น ควรหาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ อย่าเห็นเพียงแค่การโฆษณาชวนเชื่อ หรือการกล่าวถึงรางวัลที่ได้รับต่างๆ นานา เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ซื้อแฟรนไชส์เดียวกันนี้ก็ยังมีผู้ที่ได้รับความเสียหายอีกมาก จึงอยากให้ออกมาเรียกร้องในส่วนนี้เพื่อสิทธิของตัวเราเอง” นายทวิพล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น