“ชูวิทย์” เรียกร้องประชาชนตรวจสอบ “อภิสิทธิ์” กรณีจัดซื้อรถเรือดับเพลิง กทม.ปูด “นาย พ.” มือวางแผนขั้นเทพ “ซีพี-ออสเตรีย” ร่วมทำนิติกรรมอำพราง ฉ้อฉล ครม.เผยพรุ่งนี้ ยื่นหนังสือเร่งรัด ป.ป.ช.ตรวจสอบโดยเร็ว ด้าน “อภิรักษ์” โต้ อยากรู้เรื่องจริงต้องไปถามคนพา “ประภัสร์” มาสมัครผู้ว่าฯ กทม.ส่วนฟ้องร้องเป็นเรื่องของพรรค ปชป.พิจารณา
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 สังกัดอิสระ แถลงข่าวเปิดโปงโครงการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง ของ กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ที่มีการเปิดแอลซี สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และอดีตผู้ว่าฯ กทม.โดย นายชูวิทย์ ได้ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการจนถึงขั้นตอนการเปิดแอลซี (Letter of Credit) ซึ่ง นายอภิรักษ์ เป็นผู้ลงนาม
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ระดับ นายอภิรักษ์ ยังเล็กเกินไปไม่สามารถทำเองได้ แม้แต่คุณองอาจก็ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนที่ใหญ่กว่านั้น เรื่องนี้ตนอยากให้ประชาชนได้ตรวจสอบฝ่ายค้าน เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน จะต้องมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หลังจากที่ตรวจสอบคนอื่นมาตลอด พร้อมกันนี้ ตนขอให้สื่อเป็นเหรียญสองด้าน ให้ยืนอยู่บนขอบให้พิจารณาถึงการแถลงข้อเท็จจริงของตนเอง ซึ่งตนมีมากกว่าใบเสร็จหากภาพไม่แจ่มเสียงไม่ชัดตนไม่ออกมาเปิดเผย
“กรณีรถดับเพลิงมีการโยงใยถึงบุคคลหลายคน เป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าผมมีเจตนาไม่สุจริต คิดร้าย อกุศล กล่าวร้าย ขอให้ผมและครอบครัวมีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 7 วัน แต่ถ้าผมเจตนาดีปกป้องผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติขอให้ตนรุ่งเรืองและมีผลงานแบบนี้สืบต่อไป วันนี้ที่ผมมาไม่มีเจตนาโจมตี นายอภิรักษ์ เพราะมีบุคคล 3 กลุ่ม เข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการตั้งแต่ก่อน นายอภิรักษ์ เข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยรัฐบาลให้งบอุดหนุน 60:40 ส่วนรถและเรือดับเพลิงทั้งหลายต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการเกี่ยวกับการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) กับรัฐบาลออสเตรีย” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนได้ศึกษาโครงการนั้น พบความผิดปกติในส่วนของการค้าต่างตอบแทน ซึ่งตามบันทึกลงนามความเข้าใจ (A.O.U) ระบุว่า เมื่อไทยซื้อสินค้าวงเงิน 6,687 ล้านบาท ประเทศออสเตรีย จะต้องซื้อไก่ต้มสุก ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรจากประเทศไทย คือ บริษัท ซีพี จำกัด (มหาชน) ในวงเงินเท่ากัน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้มีการซื้อสินค้าจากไทยแม้แต่บาทเดียว เพราะบริษัท ซีพี ไม่ได้ส่งสินค้าแต่กลับขายบิลให้กับบริษัท สไตเออร์ฯ เป็นเงิน 150 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีการไปยกเลิกการส่งไก่ต้มสุกให้กับบริษัทญี่ปุ่น จุดนี้ถือว่าทั้งประเทศออสเตรีย กับ บริษัท ซีพี มีความเกี่ยวข้องในการทำนิติกรรมอำพราง ฉ้อฉลมติ ครม.และมีการเร่งรัดเปิดแอลซี
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะที่เมื่อ นายอภิรักษ์ เข้ามาก็มาขอชะลอเปิดแอลซี โดยส่งหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงมหาดไทย แต่กลับถูกเร่งรัดมาอีก นายอภิรักษ์ จึงแต่งตั้ง นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าฯ กทม.สมัยนั้น เป็นประธานคณะกรรมการมาต่อรองผลประโยชน์กับ บริษัท สไตเออร์ฯ ซึ่งสรุปเรื่องต่อรองได้ทั้งหมด 4 ประการ มูลค่ารวม 35 ล้านบาท ในวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.2548 แต่สุดท้าย นายอภิรักษ์ ก็ได้มาลงนามเปิดแอลซี เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2548 และจุดนี้เองตนได้เอกสารหลักฐานที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน มีเพียงที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และที่ตนเท่านั้น โดยเป็นเอกสารการเซ็นลงนามเปิดแอลซีด้วยลายมือเขียนของนายอภิรักษ์ ในระหว่างที่บัญชาการตึกถล่มบริเวณรองเมือง มีนายนิยม กรรณสูต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเหมือนแมสเซนเจอร์ นำเอกสารมาให้นายอภิรักษ์เซ็น แสดงให้เห็นความเร่งรีบ ทั้งที่นายอภิรักษ์ น่าจะได้ใช้เวลาในการพิจารณามากกว่านี้เนื่องจากวงเงินงบประมาณสูงถึง 6,687 ล้านบาท
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ หากตรวจสอบข้อความในการเปิดแอลซี ยังพบว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2548 มีการตัดข้อความ loading Thailand ออกไป และวันที่ 21 ม.ค.2548 กลับมาเพิ่มคำดังกล่าวใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ส่งเรือดับเพลิงที่ต่อในอู่พัทยา จ.ชลบุรี ไปยังประเทศออสเตรีย แล้วค่อยส่งกลับยังประเทศไทย ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงมติ ครม. ที่ไม่ให้ซื้อของผลิตในประเทศไทย โดยเรื่องนี้มีการวางแผนโดยนาย พ.ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการเงินการคลัง ผู้ที่ทำอย่างนี้ได้ต้องเป็นระดับเทพ
“การเปิดแอลซีของ นายอภิรักษ์ ต้องทราบอย่างดีว่าเป็นชนิดเพิกถอนไม่ได้ สัญญาจะมีผลใช้บังคับก็ต่อเมื่อผู้ซื้อเปิดแอลซี ตอนนี้เท่ากับว่าสัญญามีผลสมบูรณ์ ดังนั้น เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพูดเสมอว่าเป็นพรรคคุณธรรมสูง ตรวจสอบคนอื่นเสมอ เห็นคนอื่นเลวหมด ต้องออกมาชี้แจง คุณอภิสิทธิ์ ตรวจสอบทุกคนยกเว้นคุณอภิรักษ์ ผมขอเชิญคุณอภิสิทธิ์ มาพบ หรือให้ผมไปพบก็ได้ แต่ต้องชี้แจงให้ได้ การที่ผมออกมาพูดอย่างนี้ จะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะผมมีเงิน ไม่ต้องเข้ามาก็มีกิน” นายชูวิทย์ ระบุ
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) ตนจะไปยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.เพื่อเร่งรัดการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เสียงบประมาณในการเลือกตั้งอีกครั้ง
ด้าน นายอภิรักษ์ กล่าวชี้แจงพร้อมยืนยันว่า สิ่งที่ นายชูวิทย์ แถลงต่อสื่อมวลชนเป็นเรื่องไม่จริง ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเดิมเพียงแต่มาพยายามพูดโยงใย โจมตีถึงตนเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง มีการดำเนินการมาก่อนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว เมื่อตนเข้ามาก็พยายามตรวจสอบเพื่อทำให้ถูกต้อง ที่ นายชูวิทย์ ระบุว่า ตนเซ็นลงนามเปิดแอลซี ด้วยความเร่งรีบเนื่องจากเซ็นด้วยลายมือเขียนก็ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน เหตุที่ต้องเซ็นอย่างนั้น เพราะครบกำหนดที่คณะกรรมการชุดนายสามารถเจรจาไว้ อีกทั้งขณะนั้นตนอยู่ระหว่างตรวจตึกถล่มที่บริเวณรองเมือง ไม่ได้มีโอกาสกลับเข้าศาลาว่าการ กทม.
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ระบุว่า มีการแก้ไขข้อความในเอกสารขอเปิดแอลซีเพื่อเลี่ยงมติ ครม.นั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง โดยหนังสือฉบับที่ นายชูวิทย์ นำมาแถลงข่าวเป็นเพียงหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น ทั้งนี้ การแก้ไขข้อความดังกล่าวเป็นเพราะ กทม.มาตรวจสอบในภายหลังพบว่า มีข้อความบางอย่างไม่ตรงกับสัญญา ซึ่งข้อความในสัญญาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผู้ทำสัญญาเดิมทำไว้เรื่องให้สามารถส่งสินค้าที่ไหนก็ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องไปถามคนที่ทำสัญญา คือ เป็นเรื่องที่เจรจาโดยรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกดีใจที่ นายชูวิทย์ นำประเด็นนี้มาพูดอีกครั้ง ประชาชนจะได้ทราบว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ไว้
ส่วนเรื่องการฟ้องร้องนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ต้องเป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณา เพราะพาดพิงไปถึงพรรค อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่านายชูวิทย์ ตั้งใจที่จะดิสเครดิตตน และพรรค เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง
“ผมดีใจที่ คุณชูวิทย์ มาแฉในประเด็นนี้ เพราะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก และเรื่องนี้หากคุณชูวิทย์ อยากรู้ควรต้องไปถามคนที่พาคุณประภัสร์ มาสมัครผู้ว่าฯ หรือไปถามคุณประภัสร์เองบ้างอย่ามาถามแต่ผม” นายอภิรักษ์ กล่าว