“อภิรักษ์” กลับลำไม่ลาออกก่อนหมดวาระ เพราะกลัวไม่สง่างามหลังสายตรงกับผู้บริหารพรรคปชป.ก่อนเปลี่ยนใจ และหนีความผิดกฎหมายเลือกตั้งเรื่องการวางตัว 60 วันก่อนหมดวาระ แต่ยันจะไม่รักษาการณ์ในตำแหน่งผู้ว่าฯ ช่วงเลือกตั้ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน แถลงข่าว
วันนี้(22 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. นำทีมรองผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหาร แถลงขอบคุณประชาชนกรุงเทพฯ พร้อมประกาศจะอยู่ครบวาระผู้ว่าฯกทม. จนถึงวันที่ 28 ส.ค. นี้ แต่สัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือขอลากิจต่อพล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อเดินทางไปส่งบุตรชายเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. รักษาราชการแทนจนครบวาระ
จากนั้นวันที่ 29 ส.ค. จะยื่นหนังสือลาออกโดยไม่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะมีผลในวันที่ 29 ส.ค.เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นส่วนของข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องจะรักษาการแทน
ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวมาจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม. พ.ศ.2528 กำหนดไว้ว่าหากปฏิบัติงานจนครบวาระจะต้องรักษาการต่อจนกว่าจะได้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่เข้ามาทำงาน ซึ่งตนได้รับมติจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ต่ออีกสมัยจึงไม่สามารถที่จะรักษาการต่อได้ ทั้งนี้ไม่อยากถูกมองว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ทำงานไม่เป็นธรรมเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่งในช่วงหาเสียง และการอยู่ครบวาระก็เพื่อพิสูจน์และคลายความกังวลเรื่องที่ตนจะหนีข้อห้ามเรื่องการวางตัวช่วง 60 วันก่อนครบวาระ ซึ่งตนจะกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งคาดว่าเป็นวันแรกที่จะรับสมัคร
นายอภิรักษ์ กล่าวเปิดใจด้วยว่า การทำงานตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง 6 ก.ย.2547 ตนได้นำเสียงสะท้อนจากประชาชนตลอดระยะเวลาที่ได้หาเสียงกว่า 8 เดือนมาจัดทำยุทธศาสตร์นโยบายและวิสัยทัศน์ “ปฏิญญากรุงเทพฯ ของเรา” เพื่อเป็นกรอบการทำงานเน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมกับหน่วยงาน ส่วนราชการ และองค์กรต่างๆ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ และเป็นองค์กรด้านการให้บริการอันดับหนึ่ง มีประสิทธิภาพ และให้บริการประชาชนที่ดีที่สุด ด้วยหัวใจและความทุ่มเทที่จะพัฒนากรุงเทพฯ และความสุขของชาวกรุงเทพฯ ทุกคน เห็นได้จากหลายเหตุการณ์ที่ที่เคยทำงานร่วมกันในเหตุภัยพิบัติต่างๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่และข้ารากชาร ทั้งเพลิงไหม้ ตึกถล่ม เหตุลอบวางระเบิดในสถานที่สาธารณะ รวมถึงความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสุขกับชาวกรุงเทพฯ ในการดำเนินงานเพื่อสนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองสวรรค์ มีชีวิตพอเพียง และเมืองชั้นนำในระดับโลก
ทั้งนี้ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วต้องการให้คนจดจำตนเองในฐานะเป็นผู้ว่าฯกทม. ที่ตั้งใจทุ่มเท ทำงาน และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน เพราะลำพังเพียงวิสัยทัศน์ในการบริหารบ้านเมืองคงไม่เพียงพอ แต่ต้องทุ่มเททำงานสร้างความสุขให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นยังต้องดึงการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการบริหารและพัฒนา ดังจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารและการทำงานในระยะเวลา 4 ปี เพื่อทำให้กทม.ก้าวหน้าและดียิ่งขึ้น สำหรับโครงการที่ยังทำไม่แล้วเสร็จได้ฝากให้ข้าราชการในหน่วยงานได้สานต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งรอบ 2 นี้กังวลในเรื่องคดีที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ไม่กังวลเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรหลายฝ่าย ทั้งระดับรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2546 ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไรก็ตามการที่มีเรื่องกล่าวหาเกิดขึ้น และอนุคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) มีมติแล้วว่าการลงนามในสัญญามิชอบ ซึ่งกระทบกับความสมบูรณ์ของสัญญา ก็ได้มีการทำจดหมายสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และหากถามถึงความสง่างามคิดว่าประชาชนมีคำตอบ และถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปิดให้คนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจเข้ามาทำงานทางการเมืองมากขึ้น แต่หากการแทรกแซงตนคิดว่าบ้านเมืองคงไม่ก้าวไปไกลกว่านี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเย็นวันที่ 21 ส.ค. นายอภิรักษ์ ได้ตัดสินใจจะลาออกก่อนครบวาระ เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านข้อกฎหมายในการตีความว่ากรณีลาออกหลังครบวาระ จะไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่แทน ประกอบกับมีภารกิจไปต่างประเทศ จะได้ไม่ต้องให้รองผู้ว่าฯกทม.รักษาการ รวมทั้งไม่ต้องเสี่ยงถูกร้องเรียนในเรื่องข้อห้าม 60 วัน ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง พร้อมเตรียมประกาศความชัดเจนในการลาออกในวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางคืนนายอภิรักษ์ ได้หารือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผอ. การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรคปชป. ถึงแนวทางดังกล่าว ซึ่งเมื่อมาทบทวนอีกครั้งเห็นว่าควรอยู่ครบวาระและค่อยลาออกภายหลัง รวมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้หนีข้อห้ามเรื่อง 60 วันดีกว่าเพื่อความสง่างาม ส่วนภารกิจไปต่างประเทศกับครอบครัวก็สามารถใช้วิธีการลาราชการได้