xs
xsm
sm
md
lg

“อภิรักษ์” ลุ้นระทึก “ใบเหลือง” ผู้ว่าฯ กทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อภิรักษ์” ลุ้นระลึก “ใบเหลือง” เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เหตุป้ายมีรูปข้าราชการกทม. ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง ลือสะพัด ! เตรียมสั่งย้ายผอ.กองประชาสัมพันธ์ หลังไม่ได้สั่งเก็บป้ายอดีตผู้ว่าฯกทม.ออกทันทีหลังหมดวาระ ขณะที่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ คึกคัก โชว์วิสัยทัศน์เป็นผู้ว่าฯ มหานครชั้นยอด
ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) หมายเลข 8 สังกัดอิสระ เข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) และ กกต.กลาง เพื่อให้สอบสวนกรณีป้ายประชาสัมพันธ์ของกทม.มีชื่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 5 ติดอยู่ ซึ่งถือเป็นการโฆษณาหาเสียงแฝง ซึ่งนาย พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. ได้มอบหมายให้นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม. สั่งการเก็บป้ายดังกล่าวออกหมดแล้ว ขณะเดียวกันนายรัฐพล ได้สั่งให้กองประชาสัมพันธ์ และสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) ทำหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงแต่อย่างใดนั้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงกทม.เห็นว่า ในส่วนของกองประชาสัมพันธ์ถือว่าเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์โครงการของ กทม. ดังนั้น กองประชาสัมพันธ์จะต้องเป็นผู้สั่งเก็บป้ายหลังจากที่นายอภิรักษ์ หมดวาระผู้ว่าฯกทม.ทันที แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่าผู้บริหารกทม. จะมีคำสั่งโยกย้าย ผอ.กองประชาสัมพันธ์ไปเป็นผู้ตรวจราชการ ขณะเดียวกันหาก กกต.สอบสวนแล้วพบว่าข้าราชการไม่เก็บป้ายเพราะเอื้อประโยชน์ให้กับนายอภิรักษ์ อาจมีความผิดตามมาตรา 60 กรณีข้าราชการผู้ใดวางตัวไม่เป็นกลางใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี

ส่วนกรณีที่มีรูปข้าราชการ กทม.ไปปรากฏในป้ายหาเสียงของนายอภิรักษ์ 3 รูป ได้แก่ รูปขี่จักรยาน รูปนั่งเรือ และรูปเดินบนสะพาน ซึ่งข้าราชการยืนยันว่าไม่ได้เห็นชอบหรือยินยอมให้นำรูปไปใช้ในการหาเสียงนั้น แม้ทีมงานนายอภิรักษ์ จะเก็บป้ายบางส่วนออกไปแล้ว แต่ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้เช่นกัน โดยมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองกรณีนี้ กกต.อาจพิจารณาให้ใบเหลืองนายอภิรักษ์ได้

ขณะที่บรรยากาศโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็เป็นไปด้วยความคึกคักนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในวันที่ 29 ก.ย. ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จะเปิดตัวทีมงานผู้บริหารในเวลา 17.00 น.ที่สวนลุมพินี ซึ่งทีมงานล้วนเป็นบุคลากรที่สำคัญ มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเข้ามาทำงาน

“ขณะนี้มีความกังวลว่าผลการสำรวจที่ออกมาว่า นายอภิรักษ์มีคะแนนนำ ทำให้มีความเคลื่อนไหวของบางพื้นที่ที่จะมีการเทคะแนนจากผู้สมัครคนนึ่งไปอีกคนหนึ่ง เหมือนกับที่เคยมีการทำในต่างจังหวัด และยังมีการใส่ร้ายป้ายสีออกมาเป็นทั้งใบปลิวและแผ่นป้าย เพื่อลดความน่าเชื่อถือนายอภิรักษ์ ซึ่งพรรคกำลังรวบรวมข้อมูล หากพบว่ามีการทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที” นายองอาจกล่าว

วันเดียวกัน 26 องค์กรเครือข่ายนักศึกษา นำโดย องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี จัดงานแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)โดยมีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ และตอบคำถามจากเยาวชนในด้านต่างๆ

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า จะจัดตั้งสภาเยาวชน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของเยาวชนในทุกระดับ ส่งเสริมการรวมตัวตามกลุ่มเยาวชนที่สนใจกีฬา หรือศิลปะ โดยสนับสนุนงบประมาณอย่างถูกต้อง ตั้งเยาวชนเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมจะสร้างโรงบำบัดน้ำเสียให้ครอบคลุมทั้งระบบ 100 % ขณะนี้ทำได้เพียง 40 % และจะบริหารงานอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ยืนยันภาพลักษณ์ ดร.แดน แคนดู ทำได้ทุกนโยบายไม่ขายฝัน และเตรียมทีมงานด้านต่างๆไว้พร้อมแล้ว โดยกรุงเทพฯในอนาคตจะต้องมีมิติต่างๆที่ร่วมกันเป็นเมืองครบทุกมิติ ทั้งคนยากจน ชนชั้นกลาง หรือเศรษฐี

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า สภาเยาวชนเป็นเรื่องที่มีการจัดตั้งไว้อยู่แล้ว แต่เยาวชนยังเข้าร่วมไม่จริงจัง จึงต้องสนับสนุน ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ยืนยันก่อนเข้าทำหน้าที่ผู้ว่าฯ บำบัดน้ำเสียได้ 20 % ขณะนี้เพิ่มเป็น 2 เท่า และจะทำต่อให้ครบ โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียอีก 2 แห่ง พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นนักสร้างภาพ หรือนักประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องที่ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตี เช่นเดียวกับเรื่องพัวพันทุจริต ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการ คตส.เคยสรุปหลายครั้งว่า ตนไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากผิดจริงตนคงติดคุกไปนานแล้ว ส่วนกรุงเทพฯ ในอนาคตจะต้องเป็นเมืองที่ทุกคนมีความสุข

ส่วนนายชูวิทย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหา กทม.ต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ “Body” หรือปัญหาด้านต่างๆ เช่น ปัญหาจราจร ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาของมหานครขนาดใหญ่ หลายปัญหาหากทำได้จริง ผู้ว่าฯในอดีตคงทำไปแล้ว ส่วนที่สองคือ “Soul” หรือจิตวิญญาณ ที่จะต้องทำอย่างไรให้คนที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ทำตัวให้เหมาะสมและมีจิตสำนึกกับที่ได้อยู่ในมหานครขนาดใหญ่ เช่น การขับรถ การทิ้งขยะ ต้องมีวินัยให้มากขึ้น และสุดท้ายคือ “Spirit” ซึ่งหมายถึง เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ โดยจะต้องพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น